MENU

Where the world comes to study the Bible

บทที่ 22: ฆ่าดี หรือ ไม่ฆ่าดี 107 (1 ซามูเอล 24:1-22)

คำนำ

เหตุการณ์ในถ้ำเหมือนฉายหนังซ้ำตอนที่เอกโลน กษัตริย์โมอับถูกฆ่า เรื่องนี้บันทึกอยู่ ในผู้วินิจฉัย 3:12-31 ชาวโมอับกำลังข่มเหงชาวอิสราเอล พระเจ้าได้ยินคำร้องทุกข์ จากประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงให้เกิดผู้ช่วยคนหนึ่งชื่อเอฮูด เป็นคนเบนยามิน ถนัดซ้าย เอฮูดรับหน้าที่ "นำส่วย" ของอิสราเอลไปมอบให้กับกษัตริย์ชาวโมอับ ท่าน เหน็บดาบประจำตัวไว้ที่ต้นขาขวาใต้เสื้อคลุม ก่อนที่เอฮูดจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ ท่านคง ต้องถูกค้นตัว และคงโดนค้นเฉพาะด้านซ้ายตามที่คนถนัดขวาทั้งหลายเหน็บดาบไว้เท่า นั้น เมื่อเอฮูดเข้าเฝ้าในห้องส่วนตัวที่มีห้องน้ำชั้นบนโดยลำพัง เอฮูดแทงเอกโลนจน ตาย และหลบออกมา แต่คนละทางกับขาเข้า ท่านปิดประตูล็อคห้องชั้นบนและหนีไป โดยไม่มีใครเห็น เมื่อเวลาผ่านไปนานพอควร พวกมหาดเล็กรู้สึกไม่สบายใจ เพราะ กษัตริย์อยู่ในห้องน้ำนานเกินควร -- ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน จนกระทั่งพวกเขาเปิด ประตูเข้าไปดู ก็พบว่าเอกโลนถูกฆ่าตายแล้ว

เหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกือบเกิดขึ้นในถ้ำที่ดาวิดและคนของท่านหลบซ่อนตัวอยู่ เป็นที่ๆซึ่งซาอูลใช้่ส่งทุกข์ส่วนตัว ในสภาพที่ป้องกันตัวไม่ได้้ ดาวิดสามารถฆ่าซาอูล ได้อย่างสบาย หรืออาจสั่งให้คนของท่านลงมือแทนก็ได้ แต่ดาวิดเลือกที่จะไว้ชีวิต ท่าน ปล่อยให้ออกจากถ้ำไปโดยไม่ทำอันตรายใดๆ และโดยทีท่านไม่รู้เลยว่าดาวิด อยู่ใกล้แค่เอื้อม สิ่งที่ดาวิดทำนอกเหนือจากนี้ นับว่าน่ามหัศจรรย์ใจ เราจะมาศึกษากัน ส่วนการตอบสนองของซาอูลก็เช่นกัน คือน่าทึ่ง

เรากำลังเรียนเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ในบรรยากาศที่ตึงเครียด ในเรื่องเราต้องเผชิญกับภัย อันตราย ความน่ากลัว และความประหลาดใจ เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ผู้เขียน เขียน ได้เก่ง อ่านแล้วสนุกเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินชีวิตของคริสเตียน ในทุกวันนี้ด้วย เหมาะสมอย่างไร ? ดาวิดเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกสรร แต่งตั้งและถูกเจิม ไว้ให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล เหตุการณ์ตอนที่เรากำลังศึกษาอยู่นี้เกิดใน ช่วงเวลาระหว่างที่ดาวิดได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป จนถึงวันที่ท่านได้รับการ แต่งตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์โดยสมบูรณ์

เราทั้งหลายที่วางใจในองค์พระเยซูคริสต์ ให้เป็นผู้ยกความผิดบาปและประทานความ รอดนิรันดร์ให้ เรากำลังจะเป็น "กษัตริย์และปุโรหิต"

12ก ถ้าเรามีความอดทน เราก็จะได้ครองร่วมกับ พระองค์ … (2 ทิโมธี 2:12ก).

10 "พระองค์ได้ทรงโปรดให้เขาเป็นราชอาณาจักร และเป็นปุโรหิตของพระเจ้าของเรา ; และพวกเขา จะได้ครอบครองแผ่นดินโลก" (วิวรณ์ 5:10)

6 ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการฟื้นจากความตายครั้งแรกก็ เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำ นาจเหนือคนเหล่านั้น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระ เจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระ องค์ตลอดเวลาพันปี (วิวรณ์ 20:6)

5 กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป เขาไม่ต้องการแสงตะเกียง หรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่าง ของเขา และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ (วิวรณ์ 22:5)

เรื่องราวการรอคอยที่จะครอบครองเป็นเรื่องสำคัญมาก มีความผิดพลาดมากมายเกิด ขึ้นในแวดวงคริสเตียนทุกวันนี้ (และตลอดประวัติศาสตร์ของคริสตจักร) สิ่งนี้เกี่ยวข้อง กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันจนถึงเวลาครอบครองของพระคริสต์ร่วมกับธรรมิกชนใน อนาคต บางคนทำผิดพลาดเพราะคิดว่าเราสามารถ "ครอบครอง" ได้่เลย หรือที่เรียกว่า นำประโยชน์จากสิ่งที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตมาใช้ก่อนเวลา บทเรียนตอนนี้ เช่นเดียว กับพระคำที่เหลือในพระคัมภีร์ใหม่และเก่า ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงว่า ในขณะรอคอยการ ครอบครองในอนาคตนั้น พระเจ้ากำลังเตรียมเราให้ผ่านประสพการณ์การถูกปฏิเสธ ทอดทิ้ง และทนทุกข์ เช่นเดียวกับที่พระเจ้ากำลังเตรียมดาวิดให้พร้อม พระองค์ก็ทรง กระทำเช่น เดียวกันกับเรา ขอให้เรารับฟังให้ดี เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเล่าใน ประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นคำสั่งของพระเจ้ามาสอนเรา โดยผ่านแบบฉบับของ ธรรมิกชนเช่นดาวิด และคนที่น่าสมเพชเช่นซาอูล

ดาวิดไม่อยากเป็นผู้แค่แอบดูอยู่ในถ้ำ
(24:1-7)

1 อยู่มาเมื่อซาอูลเสด็จกลับจากการไล่ตามคนฟีลิสเตียแล้ว มีคนมาทูลว่า "ดูเถิด ดาวิดอยู่ในถิ่นทุรกันดารเมืองเอนเกดี" 2 แล้วซาอูลก็ทรงนำพลที่คัดเลือกจากคนอิสราเอลแล้วสาม พันคน ไปแสวงหาดาวิดกับคนของท่านที่หินเลียงผา 3 และ พระองค์เสด็จมาที่คอกแกะริมทาง มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งที่นั่น และ ซาอูลก็เสด็จเข้าไปส่งทุกข์ ฝ่ายดาวิดกับคนของท่านนั่งอยู่ ที่ส่วนลึกที่สุดของถ้ำ 4 คนของดาวิดก็เรียนท่านว่า "วันนี้เป็น วันที่พระเจ้าตรัสกับท่านว่า 'ดูเถิด เราจะได้มอบศัตรูของเจ้า ไว้ในมือของเจ้า และเจ้าจะทำกับเขาตามที่เจ้าเห็นควร'" แล้ว ดาวิดก็ลุกขึ้นย่องเข้าไปตัดชายฉลองพระองค์ของซาอูล 5 อยู่ มาภายหลังดาวิดก็เสียใจ เพราะท่านได้ตัดชายฉลองพระองค์ ของซาอูล 6 ท่านว่าแก่คนของท่านว่า "ขอพระเจ้าทรงห้ามไม่ ให้ข้าพเจ้า กระทำสิ่งนี้ต่อเจ้านายของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นผู้ที่พระ เจ้าทรงเจิมตั้งไว้ คือที่จะเหยียดมือออกต่อสู้กับท่าน ด้วยว่า ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้" 7 ดาวิดก็ห้ามคนของท่านด้วย ถ้อยคำเหล่านี้ และไม่ยอมให้เขาทั้งหลายทำร้ายซาอูล และซาอูล ก็ทรงลุกขึ้นออกจากถ้ำเสด็จไปตามทางของพระองค์

ในบทที่ 23 ดูเหมือนซาอูลเกือบได้ดาวิดไว้ในกำมือ ท่านไล่ไปจนเกือบประชิดตัว แต่ เมื่อผู้ส่งสารมาทูลว่าอิสราเอลกำลังถูกโจมตี ทำให้ซาอูลต้องล้มเลิกการตามล่าดาวิด และไปจัดการกับพวกฟิลิสเตียแทน เราไม่รู้ว่าผลการรบออกมาเป็นแบบใด แต่อย่าง น้อยเรารู้ว่าท่านกลับมาปลอดภัยดี ในขณะที่ใจของท่านยังจดจ่ออยู่ที่เรื่องของดาวิด ก็มี คนมาทูลว่าดาวิดหลบซ่อนตัวอยู่ในถิ่นทุรกันดารเอนเกดี 108

ซาอูลคาดว่าจะเผชิญหน้ากับดาวิดได้ที่หน้า "หินเลียงผา" (24:2)109 ท่านจึงมุ่งตรง ไปทางนั้น ผมคิดว่าซาอูลคงศึกษาภูมิประเทศแถบนี้มาพอควร และคงสรุปว่าดาวิดน่า จะหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณเทือกเขาในยูเดียเพื่อให้พ้นจากการตามล่า แต่ดาวิดทำในสิ่ง ตรงข้าม แทนที่ท่านจะหนีออกจากถิ่นทุรกันการเอนเกดีไปยังบริเวณ "หินเลียงผา" ท่านกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม คือมุ่งไปหาซาอูล ทั้งสองเดินทางมาเผชิญกันพอ ดีที่คอกแกะริมทางที่มีถ้ำ ซาอูลถูกธรรมชาติเรียกร้องจึงมองหาที่เป็นส่วนตัวเพื่อปลด ทุกข์

ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนที่ติดตามดาวิด แอบดูจากในถ้ำ มองเห็นซาอูลและคนของ ท่านเข้ามาใกล้ทุกที แล้วอยู่ดีๆก็หยุด ผมรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศเมื่อสาย ตาของซาอูลมองมาที่ถ้ำ คนของดาิวิดคงหมอบลงต่ำแทบหยุดหายใจเมือเห็นซาอูล เดินตรงมาที่ถ้ำ พวกเขาหารู้ไม่ว่าซาอูลคิดจะทำสิ่งใดในใจ นอกจากคิดว่าพวกเขา เสร็จแน่ๆแล้ว เมื่อซาอูลเข้าถ้ำมา พวกเขาคงกำอาวุธแน่น เตรียมพร้อมป้องกันตัว เราคงไม่ต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น พูดได้แต่เพียงว่าเป็นการปลดทุกข์ของ ทั้งซาอูล และคนของดาวิด

คนของดาวิดคงหายใจได้คล่องขึ้น และคงเริ่มคิดกันว่าเหตุการณ์นี้หมายความว่าอย่าง ไร พวกเขาคิดว่าดูเหมือนพระเจ้าได้ประทานโอกาสในการฆ่าซาอูลให้กับพวกเขาแล้ว มีการกล่าวคำพยากรณ์ให้ดาวิดฟังว่า

4 "วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าตรัสกับท่านว่า 'ดูเถิด เราจะได้มอบศัตรูของเจ้าไว้ในมือของเจ้า และ เจ้าจะทำกับเขาตามที่เจ้าเห็นควร'"(ข้อ 4)

ในการตอบสนองของดาวิด มีตัวเลือกได้หลายทาง แรก เราอาจกล่าวว่าคำพยากรณ์ นี้เป็นเท็จ ไม่ควรปฏิบัติตาม (ดู 1 พกษ. 22) สอง คำพยากรณ์นี้อาจหมายถึงคนอื่น (ศัตรูคนอื่น) ที่ไม่ใช่ซาอูล แต่คนของดาวิดเข้าใจผิดว่าหมายถึงซาอูล สาม คำ พยากรณ์นี้อาจเป็นจริงและหมายถึงซาอูล แต่คนของดาวิดตีความหมายไม่ถูก และกำ ลังนำมาใช้อย่างผิดๆ ผมว่าน่าจะเป็นข้อสาม

ดาวิดค่อยๆแอบไปที่ซาอูลผู้ไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นด้านหลัง เสื้อคลุมของท่านคง ถูกถอดวางทิ้งไว้ไกลพอที่ดาวิดจะค่อยๆเอื้อมมือไปตัดชายเสื้อได้ ทันใดนั้นดาวิดรู้สึก ถึงจิตสำนึกที่เสียดแทงในใจท่าน อาจเชื่อได้ว่าเป็นเช่นนี้เพราะการกระทำนี้เป็นการ กระทำที่สำคัญ เป็นเหมือนการท้าทายและเขย่าบัลลังก์ของซาอูลทีเดียว 110 แต่ผมไม่ คิดว่าเป็นเช่นนั้น สำหรับผมดูเหมือนดาวิดตั้งใจทำแค่หาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าท่านเข้า ไปถึงตัวซาอูลขนาดฆ่าได้ แต่ไม่ได้ทำ ถ้าเป็นแค่นี้คงไม่น่าเป็นเรื่องที่รบกวนใจดาวิด นอกจากความจริงว่าดาวิดทำเสื้อซาอูลขาด ถ้าเป็นสมัยนี้คงเหมือนไปกรีดยางรถของ ซาอูล เป็นฝีมือของพวกบ่อนทำลาย

เราไม่ควรตัดสินการกระทำของดาวิดจากความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ในแง่ว่ากระทำต่อ ผู้ใด เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าทำกับประธานาธิบดีของสหรัฐ ดาวิด กระทำต่อกษัตริย์ของท่าน ที่จริงแล้วสิ่งที่ทำเป็นเรื่องเล็กถ้าเทียบกับการที่คนของท่าน จะลงมือฆ่าซาอูลตอนทีเผลอ สิ่งที่ท่านทำคือเหยียดมือต่อต้านกษัตริย์ ซึ่งเท่ากับเป็น การเหยียดมือต่อต้านพระเจ้้าด้วย เพราะพระจ้าเป็นผู้แต่งตั้งซาอูล และพระเจ้าเท่านั้น ที่จะปลดได้ ซึ่งไม่ใช่โดยการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์เช่นที่ดาวิดแสดง :

10 และดาวิดกล่าวว่า "พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าจะทรงฆ่าพระองค์ท่านเอง หรือจะถึงวันกำหนดที่ พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ หรือพระองค์จะเสด็จเข้าสงคราม และพินาศเสีย" (1 ซามูเอล 26:10)

แล้วซาอูลก็จะถูกปลด พระเจ้าจะเป็นผู้ปลดท่าน ไม่ใช่ดาวิด และจนกว่าพระเจ้าปลด กษัตริย์ซาอูล ดาวิดยังมีหน้าที่ปรนนิบัติท่านอย่างซื่อสัตย์ในฐานะกษัตริย์ แต่การตัด ชายเสื้อคลุมของท่านไม่ใช่แค่ต้องการเรียกร้องความสนใจ เหตุนี้จิตสำนึกจึงรบกวน ท่านเป็นอย่างยิ่ง111

ดาวิดถูกจิตสำนึกของตนเองโจมตีอย่างรุนแรงที่ท่านตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล แต่คน ของท่านกลับร้ายกว่านั้น ถึงกับวางแผนฆ่าซาอูลทีเดียว การที่ดาวิดตัดชายเสื้อคลุมได้ ทำให้คนเหล่านี้ฮึกเหิมอยากจัดการซาอูลให้จบสิ้น ซาอูลกำลังตกอยู่ในสภาพที่ช่วย ตัวเองไม่ได้ ทหารก็อยู่ไกลออกไป (เพราะซาอูลคงต้องการทำธุระส่วนตัวนี้โดยลำพัง) จึงเป็นการง่ายสำหรับคนของดาวิด112 ที่จะทำการให้สำเร็จ แต่ปฏิกิริยาของดาวิด ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนใจ การแปลความหมายในฉบับอื่นๆดูออกจะสุภาพไปหน่อย ("ชักชวน" ในฉบับ NASB) เทียบกับคำที่ผู้เขียนใช้ (ในหมายเหตุของฉบับ NASB บ่งว่าความหมายคือ ฉีกขาด113 )114 เมื่อมีการพูดว่าจะฆ่ากษัตริย์ซาอูล ดาวิดจึงฉีก คนของท่านด้วยคำพูดที่รุนแรงเพื่อปกป้องชีวิตของซาอูล และสั่งด้วยว่า ถ้าท่านเอง ยังไม่เหยียดมืออกต่อสู้ซาอูล คนของเองท่านก็ต้องไม่ด้วย ในขณะที่คนของท่านมอง ท่านด้วยสายตาสงสัย ซาอูลทำธุระเสร็จพอดี เก็บเสื้อคลุม (ที่ถูกตัดชายไป) และเดิน ออกไปนอกถ้ำ

ดาวิดและโกลิอัท ภาค 2115
(24:8-15)

8 ภายหลังดาวิดก็ลุกขึ้นด้วย และออกไปจากถ้ำร้องทูลซาอูลว่า "ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท" และเมื่อซาอูลทรงเหลียว ดู ดาวิดก็ก้มลงถึงดินกราบไหว้ 9 และดาวิดทูลซาอูลว่า "ไฉนพระ องค์ทรงฟังถ้อยคำของคนที่กล่าวว่า 'ดูเถิด ดาวิดแสวงที่จะทำร้าย พระองค์' 10 นี่แน่ะ วันนี้พระเนตรของฝ่าพระบาทประจักษ์แล้วว่า พระเจ้าทรงมอบฝ่าพระบาทในวันนี้ไว้ในมือของ ข้าพระบาทที่ในถ้ำ และบางคนได้ขอให้ข้าพระบาทประหารฝ่าพระบาทเสีย แต่ข้าพระ บาทก็ได้ไว้พระชนม์ของฝ่าพระบาท ข้าพระบาทพูดว่า 'ข้าพเจ้าจะ ไม่ยื่นมือออกทำร้ายเจ้านายของข้าพเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้ที่พระ เจ้าทรงเจิมไว้' 11 ดูเถิด เสด็จพ่อของข้าพระบาท ขอดูชายฉลอง พระองค์ในมือของข้าพระบาท เพราะโดยเหตุที่ว่าข้าพระบาทได้ตัด ชายฉลองพระองค์ออก และมิได้ประหารฝ่าพระบาทเสีย ขอฝ่าพระ บาททรงทราบและทรงเห็นเถิดว่า ในมือของข้าพระบาทไม่มีความผิด หรือการกบฏ ข้าพระบาทมิได้กระทำบาปต่อฝ่าพระบาท แม้ว่าฝ่าพระ บาทจะล่าชีวิตของข้าพระบาทเพื่อจะทำลายเสีย 12 ขอพระเจ้าทรงพิ พากษาระหว่างข้าพระบาทและฝ่าพระบา ขอพระเจ้าทรงแก้แค้นแทน ข้าพระบาทต่อฝ่าพระบาท แต่มือของข้าพระบาทจะไม่กระทำอะไรต่อ ฝ่าพระบาท 13 ดังสุภาษิตโบราณว่า 'ความอธรรมก็ออกมาจากคน อธรรม' แต่มือของข้าพระบาทจะไม่กระทำอะไรต่อฝ่าพระบาท 14 พระราชาแห่งอิสราเอลออกมาตามผู้ใด ฝ่าพระบาทไล่ตามผู้ใด ไล่ตามสุนัขที่ตายแล้ว ไล่ตามตัวหมัด 15 เพราะฉะนั้นขอพระเจ้าทรง เป็นผู้พิพากษา และขอทรงประทานคำพิพากษาระหว่างข้าพระบาท และฝ่าพระบาท และทอดพระเนตร และขอว่าความฝ่ายข้าพระองค์ และขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นหัตถ์ของฝ่าพระบาท"

การฆ่าซาอูลก็เท่ากับเป็นการต่อต้านผู้ที่พระเจ้าเจิม การกระทำเช่นนี้ขัดกับน้ำพระทัย ดังนั้นคนของดาวิดใช้คำพยากรณ์ไปในทางที่ผิด ดาวิดจึงต้องยืนกรานขัดขวางไม่ให้ กระทำ ดาวิดสมควรปฏิบัติต่อซาอูล "ในสิ่งที่ดี" สำหรับตัวท่านเองและสิ่งที่ดีถูกต้อง สำหรับดาวิดคือการยอมรับและปรนนิบัติต่อกษัตริย์ด้วยความสัตย์ซื่อ ทำตามพระประ สงค์ ความหมายคือดาวิดต้องไม่ต่อต้านหรือกระทำการใดๆให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อซาอูล แต่การยอมรับกษัตริย์ของดาวิดมีความหมายมากกว่านี้ หมายความว่าท่านต้องกระทำ ทุกวิถีทางที่จะสนับสนุนซาอูล การแปลความหมาย "สิ่งที่ดี" ของดาวิดทำให้ไม่เพียง แต่ซาอูลประหลาดใจเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างก็ประหลาดใจไปตามๆกัน

ดาวิดและคนของท่านหลบซ่อนอยู่อย่างปลอดภัยในถ้ำ พวกเขาต้องอดทนรออยู่อย่าง เงียบสงบจนกว่าคนของซาอูลจากไป หลังจากนั้นน่าจะหลบหนีไปในทิศทางตรงข้าม เพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากอันตราย แต่ดาวิดกลับออกไปที่ปากถ้ำ ร้องเรียกซาอูล ท่านเรียกซาอูลว่า "พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท" (ข้อ 8) และต่อมาก็เรียกว่า "เสด็จพ่อ" (ข้อ 11) ดาวิดก้มลงถึงดินกราบไหว้ แสดงการยอมรับและยอมจำนนต่อ ซาอูลในฐานะกษัตริย์ (ข้อ 8) ท่านร้องทูลขอให้ซาอูลฟังท่านแทนที่จะไปฟังผู้อื่น ให้ ฟังคำของท่านและเปรียบเทียบกับการกระทำ ให้ตัดสินว่าท่านมีความผิดประการใด หรือว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์

ดาวิดกำลังเอาชีวิตตนเองเข้าเสี่ยงท้าทายว่าซาอูลจะยอมถอยหรือเดินหน้าสังหาร ท่านไม่ได้กำลังแย่งชิงบัลลังก์จากซาอูล ท่านได้นำเอาเศษชายเสื้อคลุมแสดงให้ ซาอูลดู เพื่อแสดงให้ซาอูลเห็นว่าท่านสามารถฆ่าได้ แต่ท่านไม่ทำ เพราะซาอูลเป็นผู้ที่ พระเจ้าเจิมไว้ ทำร้ายท่านก็เท่ากับลุกขึ้นต่อสู้พระเจ้าผู้แต่งตั้งท่านไว้ เมื่อชีวิตของ ซาอูลตกอยู่ในมือของดาวิด ดาวิดปกป้องท่านด้วยการห้ามมิให้คนของตนเองทำ อันตรายซาอูล แต่บัดนี้ดาวิดกำลังนำชีวิตของตนเองมามอบไว้ให้กับซาอูล และมอบ ไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้สูงสุด พระเจ้าที่ดาวิดร้องทูลขออย่างสุดใจ พระเจ้าที่ ดาวิดร้องทูลขอความยุติธรรม ดังนั้นตัวท่านเองจึงไม่สมควรควรทำสิ่งใดที่เป็นการ ต่อต้านซาอูล

ดาวิดเตือนกษัตริย์ว่าจะรู้จักมนุษย์ได้ต้องดูจากการกระทำ ดังคำสุภาษิตโบราณว่า "ความอธรรมก็ออกมาจากคนอธรรม" (ข้อ 13) ดาวิดไม่เคยทำสิ่งชั่วร้ายต่อซาอูล และท่านทูลซาอูลว่าท่านจะไม่มีวันยกมือขึ้นต่อสู้ด้วย (ข้อ 13) ท่านเตือนซาอูลด้วย ว่าไม่มีสาเหตุใดที่ควรกลัว ดาวิดเปรียบตนเองเหมือนหมาที่ตายแล้ว และเหมือนกับ ตัวหมัด (ข้อ 14) ไม่มีสาเหตุใดที่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาอูลและกำลังทหารของ ท่านควรกลัวดาวิด

ดาวิดจบคำพูดต่อซาอูลว่าท่านมอบการช่วยกู้ และการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระเจ้า ท่านมอบให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินและปกป้องคุ้มครองท่านให้พ้นจากมือของซาอูล (ข้อ 15) เมื่อพูดจบ การตอบสนองของซาอูลจึงออกมาเป็นดังนี้

"การกลับใจ" และคำขอของซาอูล

(24:16-22)

16 อยู่มาเมื่อดาวิดทูลคำเหล่านี้ต่อซาอูลแล้ว ซาอูลตรัสว่า "ดาวิดบุตรของข้าเอ๋ย นั่นเป็นเสียงของเจ้าหรือ" ซาอูลก็ทรง ส่งเสียงกันแสง 17 พระองค์ตรัสกับดาวิดว่า "เจ้าชอบธรรมยิ่ง กว่าข้า เพราะเจ้าตอบแทนข้าด้วยความดี ในเมื่อข้าได้ตอบแทน เจ้าด้วยความร้าย 18 เจ้าได้ประกาศในวันนี้แล้วว่า เจ้าได้กระท ความดีต่อข้าอย่างไร ในการที่เจ้ามิได้ประหารข้าเสีย ในเมื่อพระ เจ้าทรงมอบข้าไว้ในมือของเจ้าแล้ว 19 เพราะว่าผู้ใดพบศัตรูของตน เขาจะยอมให้ปลอดภัยไปหรือ ดังนั้นขอพระเจ้าทรงกระทำดีแก่เจ้า สนองการที่เจ้าได้กระทำแก่ข้าในวันนี้ 20 บัดนี้ ดูเถิด ข้าประจักษ์ แล้วว่าเจ้าจะเป็นพระราชาแน่ และราชอาณาจักรอิสราเอลจะสถาปนา อยู่ในมือของเจ้า 21 เพราะฉะนั้นจงปฏิญาณให้แก่ข้าในพระนาม ของพระเจ้า ว่าเจ้าจะไม่ตัดพงศ์พันธุ์ของข้าเสียเมื่อข้าตายไป และเจ้าจะไม่ทำลายชื่อของข้าเสียจากพงศ์พันธุ์บิดาของข้า" 22 ดาวิดก็ปฏิญาณให้แก่ซาอูล แล้วซาอูลก็เสด็จกลับพระราชวัง และดาวิดกับคนของท่านก็ขึ้นไปยังที่กำบังเข้มแข็ง

ซาอูลคงตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจากด้านหลัง ท่านคงไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าเป็นเสียงของดาวิด ซาอูลส่งเสียงร้องให้และเรียกดาวิดว่า "บุตรของข้า" ซึ่งก็คง เป็นการง่ายเพราะดาวิดเรียกท่านว่า "เสด็จพ่อ" ในข้อ 11 และเมื่อดาวิดก้มลงกราบ ไหว้ยอมรับท่านในฐานะกษัตริย์ที่ดาวิดต้องปรนนิบัติอย่างซื่อสัตย์ ถึงแม้ชีวิตของท่าน จะตกอยู่ในกำมือของดาวิด แต่ดาวิดก็ยังไว้ชีวิตท่าน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ ท่านกำลังทำกับดาวิด! ซาอูลยอมรับว่าดาวิดนั้นชอบธรรมกว่าท่าน เพราะท่านปฏิบัติ ต่อดาวิดอย่างชั่วร้าย แต่ดาวิดกับทำใน "สิ่งที่ดี" ต่อท่าน ดาวิดคงไม่ไว้ชีวิตท่านแน่ ถ้าเป็นศัตรู ดังนั้นดาวิดจึงเป็นมิตรของท่าน ซาอูลจึงได้ร้องขอพระพรจากพระเจ้า สำหรับดาวิด

ข้อ 20 เป็นคำสารภาพที่น่าทึ่งและเป็นครั้งแรกที่ออกจากปากของซาอูลตามที่บันทึกไว้ ซาอูลกำลังยอมรับความจริง ซามูเอลเคยบอกกับท่านแล้วว่าอาณาจักรของท่านจะไม่ ยั่งยืน (13: 14) และท่านถูกพระเจ้าปลดออกจากการเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล (15:26) ในบทที่ 18 (ข้อ 8-9) ซาอูลเคยพูดว่าดาวิดนั้นได้รับความนิยม เหลือแต่เพียงอาณา จักรเท่านั้นที่ดาวิดยังไม่ได้ครอบครอง ในข้อ 20:31 ซาอูลบอกโยนาธานว่าจะไม่มีวัน ได้ขึ้นครองบัลลังก์ตราบใดที่ดาวิดยังมีชีวิตอยู่ ที่แล้วๆมาซาอูลทำกับดาวิดเหมือน ดังเป็นคนทรยศที่พยายามวางแผนฆ่าและช่วงชิงราชบัลลังก์ไปจากท่าน (ดู 22:6-13) แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซาอูลยอมรับว่าพระเจ้ากำลังเอาอาณาจักรของท่านไปมอบให้ กับดาวิดแทน ท่านยอมรับแล้วว่าดาวิดต้องได้ขึ้นครองบัลลังก์แน่

เพราะเหตุนี้ซาอูลจึงร้องขอดาวิดอย่าให้กำจัดพงศ์พันธ์ของท่าน (24:21) คำขอร้อง ของซาอูลมีเหตุผล เพราะเมื่อกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครอง เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำลาย ศัตรูหรือคนของกษัตริย์องค์เดิมให้หมดสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหลานและผู้สืบสาย โลหิตที่เป็นศัตรูต่อบัลลังก์ (ดู 2 พกษ. 10:11, 15-17; 11:1) ที่น่าแปลกคือสิ่งที่ ซาอูลร้องขอ เป็นสิ่งที่โยนาธานทำพันธสัญญาไว้เรียบร้อยแล้วกับดาวิด (1 ซามูเอล 20:14-17, 41-42) อย่างไรก็ตามดาวิดสาบานกับซาอูลว่าจะไม่ทำลายพงศ์พันธ์ของ ท่านให้หมดสิ้น116

แล้วทั้งสองฝ่ายก็แยกจากกันไป117 ดาวิดกลับไปยังที่กำบังเข้มแข็ง ส่วนซาอูลกลับ ไปบ้าน (24:22) ดาวิดคงคาดหวังว่าปัญหาของท่านกับซาอูลอาจจบสิ้นลง แต่ท่านก็ ไม่ได้วางใจ ซาอูลเคย "กลับใจ" มาแล้ว (ดู 19:1-7) แต่ก็เป็นเวลาไม่นาน ดาวิดจะ เห็นการตอบสนองของซาอูลได้ก็โดยให้เวลาและเฝ้าดูอยู่ในที่ไกล อีกแง่หนึ่งก็คือ ดาวิดกำลังปรนนิบัติต่อซาอูลอย่างไม่เปิดเผย เป็นไปได้หรือไม่ว่าประชาชนอาจมา เข้าข้างดาิวิดและดูหมิ่นซาอูล ? ดาวิดจึงต้องอยู่ให้ห่างไกลจากสายตาประชาชน เพื่อความนับถือที่ประชาชนมีให้กับซาอูลจะไม่ตกต่ำลง

บทสรุป

เรื่องนี้นับว่ามหัศจรรย์จริงๆ ใครจะไปคิดว่า "การเรียกร้องของธรรมชาติ" จะมีผลทำ ให้ดาวิดและซาอูลจากกันอย่างสันติ ? พระเจ้าทรงครอบครองอยู่ พระองค์ทรงควบคุม ทุกสิ่ง และ "ทุกสิ่ง" นี้รวมถึงเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันอย่างเรื่อง "การเรียกร้องของ ธรรมชาติ" โดยใช้เรื่องแสนธรรมดาเช่นนี้ (ที่พวกวัยรุ่นใช้คำว่าเรื่อง "ดิบๆ") หรือเรื่อง เหนือธรรมชาติดลบันดาลให้เกิดขึ้นได้ ประการแรกดาวิดเผชิญหน้ากับซาอูลและแยก จากกันไปโดยไม่มีใครเสียเลือดเนื้อ ซาอูลสารภาพในสิ่งที่เราไม่คาดว่าจะได้ยินจาก ปากของท่าน ส่วนดาวิดเองก็เสียใจที่ท่านตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล จึงยับยั้งไม่ให้คน ของท่านฆ่าซาอูล ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการแวะเก็บดอกไม้ของซาอูล ซาอูลเข้าไป ในถ้ำเดียวกับที่ "เผอิญ" ดาวิดและคนของท่านหลบซ่อนอยู่ พระจ้าทรงใช้ "สถานะ การณ์ธรรมชาติ" นี้มาทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จลง พระเจ้าที่เราทั้งหลาย ปรนนิบัติอยู่นี้มหัศจรรย์ล้นเหลือจริงๆ !

ในหนังสือ "ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ" (Spiritual Leadership) ของ เจ ออสวอลด์ แซนเดอร์ส กล่าวถึงหลักสามประการในการเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ :

อำนาจอธิปไตย
การทนทุกข์
การปรนนิบัติรับใช้

ผมเชื่อว่าผู้เขียนท่านนี้ถูกต้อง และเราเห็นหลักทั้งสามประการนี้เด่นชัดในชีวิตดาวิด ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ ให้เรานำหลักทั้งสามประการมา พิจารณาดูทีละข้อ

อำนาจอธิปไตย

ข้อเท็จจริงประการแรกในการเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณคือเชื่อมั่นในอำนาจอธิปไตยของ องค์พระผู้เป็นเจ้า ผมเคยเข้าร่วมสัมนาที่คุณแซนเดอร์สเล่าคำพยานว่าพระเจ้าทรงเรียก ท่านให้มาเป็นผู้นำอย่างไร ก่อนหน้านี้ท่านทำงานพันธกิจด้านอื่นอยู่ ซึ่งเป็นงานที่ท่าน ทำมาเกือบตลอดชีวิต เมื่อได้รับการติดต่อให้เป็นหัวหน้าขององค์กรมิชันนารี่ใหญ่แห่ง หนึ่ง ท่าน(และภรรยา) ใช้เวลาถึงหนึ่งปีกว่าจะตระหนักถึงความจำเป็นที่หน่วยงานนี้ ต้องการความช่วยเหลือ และการที่พระเจ้าเรียกให้ท่านมารับตำแหน่งผู้นำ พระเจ้าผู้ ทรงอำนาจอธิปไตยเป็นผู้เลือกและแต่งตั้งผู้นำฝ่ายวิญญาณ (ให้ดูว่าพระเจ้าทรงเลือก และสร้างเซาโล/เปาโลขึ้นอย่างไรในพระธรรมกิจการ)

อำนาจอธิปไตยของพระเจ้าเป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ดาวิดคำถึงในการเป็นผู้นำ ของท่าน ด้วยอำนาจอธิปไตยพระเจ้าทรงแต่งตั้งซาอูลขึ้นมาเป็นกษัตริย์อิสราเอล ถึงแม้ซามูเอลจะเจิมตั้งดาวิดให้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปก็ตาม แต่ดาวิดเชื่อว่าพระ เจ้าจะทรงปลดซาอูลออกจากตำแหน่งเองไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ตราบใดที่พระเจ้ายัง ให้ซาอูลอยู่ในตำแหน่ง การยกมือขึ้นต่อสู้กับซาอูลก็เท่ากับยกมือขึ้นต่อสู้กับพระเจ้า ถึงแม้สถานะการณ์จะอำนวยให้ดาวิดและคนของท่านฆ่าซาอูลได้ก็ตาม แต่ดาวิดยัง เชื่อและยึดมั่นอยู่ในอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า ท่านจึงไม่กระทำการใดๆ

ซาตานต่อต้านการปกครองด้วยอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า พวกมันไม่อยากปรนนิบัติ พระองค์ แต่อยากเป็นผู้นำเช่นเดียวกับพระองค์ ความบาปคือการต่อต้านพระเจ้า ต่อ ต้านอำนาจอธิปไตยของพระองค์ เป็นการแสวงที่จะอยู่เหนือพระเจ้า ดาวิดยอมจำนน ต่ออำนาจอธิปไตยของพระเจ้า ท่านกระทำโดยละการแก้แค้นไว้ที่พระเจ้า ยอห์น เมอร์เรย์ อธิบายพระธรรมโรม 12:19 ไว้อย่างสอดคล้องลงตัวว่า:

"นี่คือหัวใจในการดำเนินชีวิตติดสนิทกับพระเจ้า ปัจจัย ของการดำเนินในความบาปคือการคิดจะแทนที่พระเจ้า คิดจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยมือของเราเอง การ ยอมจำนนกับพระเจ้าต้องใช้ความเชื่อ โดยมอบภาระ ทั้งหมดไว้กับพระองค์ และให้จุดสนใจทั้งสิ้นของเรา อยู่ที่พระองค์ มอบเรื่องราวต่างๆที่เราเป็นผู้ถูกกระ ทำไว้ที่พระองค์ ความเชื่อคือการตระหนักว่าพระเจ้า ทรงเป็นผู้ตัดสิน และละการแก้แค้นไว้ให้พระองค์ "118

การทนทุกข์

ข้อเท็จจริงประการที่สองในการเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณคือการทนทุกข์ ออสวอลด์ แซนเดอร์สเคยเล่าถึงคำเทศนาครั้งแรกๆของท่าน (เมื่อ 65ปีมาแล้ว!) ท่านกล่าวว่าหลัง จากการเทศนาท่านบังเอิญไปได้ยินสุภาพสตรีสองคนคุยกันเกี่ยวกับคำเทศนาของท่าน สุภาพสตรีคนหนึ่งถามว่า "เธอคิดว่าคำเทศนาเป็นอย่างไร ?" สุภาพสตรีอีกคนตอบว่า "ก็ไม่เลว เพียงแต่ว่าถ้าเคยผ่านความทุกข์ยากมาบ้างคงเทศน์ได้ดีกว่านี้" แซนเดอร์ส เล่าต่อไปว่าหลังจากนั้นพระเจ้าไ้ด้ให้ท่านต้องเผชิญกับความทุกข์ยากแสนสาหัส ท่าน สูญเสียภรรยาไปถึงสองคน และหลานที่น่ารักอีกหนึ่ง เช่นกันหลายครั้งที่ผมได้ยิน เสียงเพลงของคริสเตียนยุคใหม่ ผมรู้สึกอย่างเดียวกับสุภาพสตรีที่เคยวิจารณ์คำเทศ นาของแซนเดอร์สในครั้งแรก ผมเชื่อว่าเพลงพวกนี้จะมีพลังแตะต้องจิตใจได้ถ้าผู้แต่ง เคยผ่านประสบการณ์ของการทนทุกข์มาก่อน บทเพลงสมัยใหม่นี้ส่วนมากเป็นฝีมือของ คนที่ยังอายุน้อยและขาดประสบการณ์ พวกเขายังไม่เคยได้ชิมถ้วยแห่งความทุกข์โศก การทนทุกข์จะเปลี่ยนแปลงเราและการแสดงออกของเรา

นับจากเวลาที่ดาวิดได้รับการเจิมจนถึงเวลาที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์อย่าง เป็นทางการนั้น ท่านต้องเผชิญกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมือ ของซาอูลทั้งสิ้น การที่ดาวิดได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้นไม่ใช่เป็นเพราะท่านเคยผ่านความ ทุกข์มาก่อน แต่เป็นจุดมุ่งหมาย การทนทุกข์คือสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมดาวิดไว้ให้เป็น ผู้นำ โดยไม่มีการยกเว้น โยเซฟต้องทนทุกข์เพราะฝีมือของบรรดาพี่ๆ แต่ก็เป็นการจัด เตรียมเพื่อจะได้ช่วยกอบกู้ครอบครัว การที่ชาวอิสราเอลต้องทนทุกข์อยู่ในอียิปต์ เป็น การที่พระเจ้าจัดเตรียมประชากรของพระองค์ให้พร้อมที่จะอพยพออกมาเป็นไท การ ทนทุกข์ขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นการเตรียมพระองค์ให้พร้อมสำหรับงานพันธกิจ ที่พระองค์จะต้องกระทำในฐานะจอมกษัตริย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า การทนทุกข์ของเรา ก็จะประสบผลสำเร็จในสิ่งเดียวกัน

คนของดาวิดถูกทดลองให้ใช้วิธีลัดโดยการฆ่าซาอูล เพื่อช่วยดาวิดให้พ้นทุกข์และ เร่งเวลาขึ้นครองให้สั้นลง การทดลองของพวกเขานั้นแตกต่างจากการทดลองที่องค์ พระเยซูคริสต์เผชิญในถิ่นทุรกันดารเมื่อเริ่มงานพันธกิจเพียงเล็กน้อย (ดูมัทธิว 4:1-11; ลูกา 4:1-12) เราเองก็ถูกทดลองให้หลีกเลี่ยงการทนทุกข์และเร่งเวลาไปสู่ชัยชนะให้ เร็วขึ้น แต่การทนทุกข์นั้นเป็นวิธีการที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้สำหรับเพื่อให้เราได้รับชัยชนะ ดาวิดยอมทนทุกข์เพื่อจะเชื่อฟังพระเจ้า ถึงแม้จะดูขัดกับการขึ้นครองของท่านที่จะมา ถึงในอนาคตก็ตาม

การปรนนิบัติรับใช้

ข้อเท็จจริงประการสุดท้ายที่แซนเดอร์สอธิบายไว้เกี่ยวกับผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณก็คือการ ปรนนิบัติรับใช้ ผมคิดว่าการปรนนิบัติรับใช้และการยอมจำนนนั้นเกือบจะเป็นเรื่องเดียว กัน ทั้งสองกรณีเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากในการจัดเตรียมของพระเจ้าเพื่อการขึ้นครองเป็น กษัตริย์ของดาวิด ผู้รับใช้คือผู้ที่ปรนนิบัติผู้อื่นอย่างสัตย์ซื่อ ดาวิดเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ของซาอูล ถึงแม้ซาอูลจะพยายามฆ่าท่านก็ตาม การยอมจำนนคือการยอมละจาก ความต้องการส่วนตัวเพื่อปรนนิบัติผู้อื่น

ดาวิดปรนนิบัติเจ้านายของท่าน ซาอูล อย่างสัตย์ซื่อ จิตสำนึกของท่านจึงถูกรบกวนเป็น อย่างมากเมื่อท่านแอบตัดชายเสื้อคลุมของซาอูลไว้ เพราะนี่ไม่ใช่เป็นการปรนนิบัติ อย่างสัตย์ซื่อ ท่านไม่ยอมฆ่าซาอูลหรืออนุญาติให้คนของท่านทำ มิเช่นนั้นจะกลาย เป็นการปรนนิบัติต่อซาอูลอย่างไม่สัตย์ซื่อ เพื่อจะปรนนิบัติซาอูลอย่างสัตย์ซื่อ ดาวิด ต้องจ่ายราคาแพงของการทนทุกข์ อันที่จริงแล้วซาอูลนั้นเป็นเหมือนศัตรูของดาวิด และเมื่อพระเจ้าส่งมอบชีวิตซาอูลให้อยู่ในเงื้อมมือของดาวิด ดาวิดกลับเชื่อว่าการ ทำสิ่งดีในสายตาของท่านคือการต้องมีหน้าที่ซื่อสัตย์ต่อซาอูล ไม่ใช่ฆ่าทิ้ง และเพื่อ ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ท่านต้องยอมเสี่ยงชีวิตของท่านเอง ดาวิดจึงปล่อยให้ซาอูล กลับออกไปโดยไม่มีอันตราย และแสดงตัวให้รู้หลังจากนั้น ท่านกล้ากล่าวตำหนิซาอูล และชี้ให้เห็นว่าท่านไม่ใช่ศัตรู ท่านปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีให้กับซาอูลตลอดมา ดาวิด ปรนนิบัติต่อซาอูลด้วยความเต็มใจตราบเท่าที่ซาอูลมีชีวิตอยู่และยังเป็นกษัตริย์ที่พระ เจ้าตั้งไว้ ดาวิดกระทำแต่ "สิ่งที่ดี" ต่อซาอูล ซึ่งซาอูลเองก็ยอมรับ ดาวิดกระทำสิ่ง เหล่านี้โดยการยอมทนทุกข์ในสิ่งที่ซาอูลกระทำต่อท่าน และยังยินยอมเต็มใจปรนนิบัติ ซาอูล โดยที่ท่านมอบเรื่องความยุติธรรมและการแก้แค้นทั้งสิ้นไว้กับพระเจ้า

หลักการทั้งสามของ อำนาจอธิปไตย การทนทุกข์ และการปรนิบัติรับใช้ นี้ทำให้ดาวิด สามารถแยกแยะน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อสถานะการณ์ครั้งนี้ได้อย่างถูกต้อง คนของ ดาวิด (1 ซามูเอล 24:4) ก็เหมือนกับซาอูล (1 ซามูเอล 23:7) คือแยกแยะพระประสงค์ ของพระเจ้าโดยเข้าข้างตนเองเป็นหลัก : พระเจ้าให้โอกาสพวกเขามีสิทธิฆ่าซาอูลได้ และดูเหมือนกับว่าพระประสงค์พระองค์เป็นเช่นนั้น แต่ดาวิดแยกแยะน้ำพระทัยพระเจ้า ตามหลักการ เมื่อท่านเลือกที่จะไปสู้กับโกลิอัท ไม่ใช่เพราะท่านรู้ว่าจะชนะแน่ (ถึงแม้ท่านรู้วิธีการที่จะเอาชนะได้โดยที่คนอื่นไม่รู้) แต่เป็นเพราะโกลิอัทพูดดูหมิ่น พระนามพระเจ้า ดาวิดไม่ได้ถือโอกาสเพราะสถานะการณ์อำนวย แต่เป็นเพราะท่านไตร่ ตรองอย่างรอบคอบเช่นเดียวกับผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณควรทำ ท่านไตร่ตรองโดยยึดตาม อำนาจอธิปไตยของพระเจ้า ทนทุกข์และปรนนิบัติรับใช้อย่างสัตย์ซื่อตามพระประสงค์ ของพระองค์ทุกประการ

ทุกวันนี้ผมเห็นคนที่ทำตามพระประสงค์โดยยึดหลักการตามแบบของดาวิดน้อยลงทุกที แต่กลับเห็นคนที่ทำตามแบบของซาอูลและคนของดาวิดเพิ่มมากขึ้น ผมเคยได้ยินคริส เตียนหลายคนคิดและสอนคนอื่นว่าการทนทุกข์ไม่ใช่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า การมีความ เชื่อที่แท้จริงจะได้รับพระพรในทันทีและปราศจากความเจ็บปวดใดๆ ผมพบว่าหลาย คนแยกแยะพระประสงค์ของพระเจ้าโดยใช้สถานการณ์เข้าข้างตนเองเป็นหลัก ทำตาม ที่ตาเห็นมากกว่าจะทำตามพระวจนะคำ ผมเห็นคริสเตียนหลายคนได้รับคำแนะนำที่่ ผิดๆจากคริสเตียนคนอื่น แทนที่จะทำตามหลักการของพระวจนะคำ ผมอยากให้เราทุก คนยึดดาวิดเป็นแบบอย่างในกรณีเช่นนี้ และไม่ใช่ตามแบบคนของท่านที่นิยมใช้ทาง ลัดกำจัดความทุกข์และจัดการกับผู้ที่พระเจ้าตั้งไว้ การกระทำเข้าข้างตัวเองแบบนี้ เราเห็นได้จากพวกธรรมาจารย์และฟาริสี (รวมทั้งคนกลุ่มใหญ่ๆอย่างเช่นชาวโรมัน) เมื่อ พวกเขาปฏิเสธพระเยซูและตรึงพระองค์เสีย และปล่อยนักโทษฆ่าคนตายอย่างบารับบัส ให้เป็นอิสระแทน

ผมเห็นชีวิตของดาวิดตามที่บันทึกไว้ในพระธรรม 1 ซามูเอลเป็นเหมือนตัวอย่างของข้อ พระคำหลายข้อในพระคัมภีร์ ในเรื่องการทนทุกข์ การปรนนิบัติรับใช้ และการยอมจำนน เราอาจจะนึกยังไม่ออก ขอให้ผมยกตัวอย่างสักสองสามข้อเพื่อนำมาพิจารณาดู : สดุดี 7; มัทธิว 5:44; โรม 12:17, 19; 1 เปโตร 2:11-22; 4:12-19 ดังนั้นขอให้เราทั้ง หลายดำเนินชีวิตในแบบของดาวิด ผู้ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าอย่างสุดใจ เพื่อพระ เกียรติแด่พระนามและพระสิริของพระองค์ และเพื่อการดำเนินชีวิตที่ดีของเรา


107 ผมมักได้ข้อเสนอแนะดีๆจากบรรดาสมาชิกที่โบสถ์ ชื่อเรื่องตอนนี้แนะนำโดยหนุ่มน้อยวัย 13 ปี ชื่อ เอริค ริทชี่ เอริควาดการ์ตูนเก่ง เขาได้วาดภาพในพระคัมภีร์ตอนต่างๆไว้หลายตอน

108 ซาอูลได้รับรายงานว่าดาวิดหลบซ่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารเอนเกดี "เป็นโอเอซิสทางชายฝั่ง ตะวันตกของทะเลตาย มีน้ำพุไหลอยู่ตลอดทั้งปีและตั้งอยู่บนหน้าผาสูง" ข้อมูลจาก Dale Ralph Davis ในหนังสือ Looking on the Heart: Expositions of the Book of 1 Samuel (Grand Rapids: Baker Books, 1994), vol. 2, p. 103.

109 จากที่ได้อ่าน รู้สึกไม่มีใครทราแน่ชัดถึงสถานที่ตั้งนี้ แต่ในพระธรรมสดุดี 104:18 เราอาจ กล่าวได้ว่า เป็นที่สูง ในจุดที่ห่างไกล เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเลียงผาและแพะภูเขา และเป็นที่ พวกทหารคงไม่อยากขึ้นไปตามล่าดาวิดนัก

110 ดาวิส เขียนเอาไว้ว่า : "การกระทำของดาวิดเป็นสัญญลักษณ์ของการกระด้างกระเดื่อง สิ่งนี้จึงเป็นเหตุให้ดาวิดรู้สึกเสียใจมาก . . . ." จากข้อเขียนของ Dale Ralph Davis, vol. 2, p. 105.

111 มีคำอธิบายที่น่าสนใจในพระคำตอนนี้ของฉบับ New Geneva Study Bible ที่คุณควรหา มาอ่าน

112 ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าถ้าพวกเขาลงมือทำจริง พวกเขาจะหลุดรอดไปได้อย่างไร คงต้องติด ตายอยู่ในถ้ำ หรือว่าคนของดาวิดคิดว่าถ้ากษัตริย์ซาอูลสิ้นชีพ พวกทหารจะกระจัดกระจายไป เอง ?

113 คำเดียวกันนี้มีใช้อยู่ในผู้วินิจฉัย 14:6: "6 พระวิญญาณของพระเจ้าก็ทรงสถิตกับแซมสัน อย่างมาก ท่านจึง ฉีกสิงห์ออกอย่างคนฉีกลูกแพะ ทั้งที่ไม่มีอะไรในมือ แต่ท่านมิได้บอกให้ บิดาหรือมารดาของท่านทราบว่าท่านได้ทำอะไรไป"

114 "จากการแปลข้อ 7 ของหลายๆฉบับ เราไม่อาจทราบได้ว่า ดาวิด "ชักจูง" "ห้ามปราม" "ยับยั้ง" คนของท่านด้วยคำพูดแบบใด แต่ในต้นฉบับภาษาฮีบรูเขียนว่า "ดาวิดจึง ฉีก คนของ ท่านออกด้วยคำพูด ซึ่งน่าจะแปลได้ว่าดาวิดคงใช้ถ้อยคำที่ข่มอย่างรุนแรงยับยั้งคนเหล่านั้นให้ เย็นลง นักวิชาการหลายคน (ดูเหมือนในสมัยโบราณด้วย) คิดว่าเป็นคำที่รุนแรงเกินไป แต่ผม ไม่เห็นว่าจะเป็นไรไป ถ้าผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นชัดเจนว่า : ดาวิดต้องการ 'ยับยั้งการกระทำ อย่างรุนแรง' หรือ 'ตัดความต้องการของพวกเขาลง' ด้วยคำพูด เพื่อจะได้ไม่ทำให้โลหิตของ ซาอูลตก " Dale Ralph Davis, vol. 2, pp. 105-106.

115 ในช่วงเวลาตอนนี้ของดาวิด ซาอูลก็เปรียบเหมือนโกลิอัทอีกคน ผมคิดว่าการทีจะไปยืนต่อ หน้าซาอูลได้นั้นต้องใช้ความกล้ามหาศาลพอๆกับไปยืนต่อหน้าโกลิอัททีเดียว

116 ผมเข้าใจว่าดาวิดกำลังทำพันธสัญญากับซาอูลว่าจะไม่ฆ่าพงศ์พันธ์ของท่านจนหมดสิ้น เพื่อครอบครัวของท่าน (และชื่อของท่าน) จะดำรงอยู่หลังจากที่ท่านตายไปแล้ว ที่ผมไม่เข้าใจ คือ ดาวิดสัญญาว่าจะไม่ฆ่าลูกหลานของซาอูล แต่พอมาถึง 2 ซามูเอล 21 ดาวิดส่งลูกหลาน ของซาอูลไปให้ถูกฆ่าเสียเจ็ดคนเพื่อชดเชยที่ซาอูลเคยสังหารคนกิเบโอน ในจำนวนนั้นมีบุตร ชายสองคนของริสปาห์ผู้เป็นสนมของซาอูล บุตรชายห้าคนของเมราบผู้เป็นบุตรสาวของซาอูลที่ เกือบจะได้แต่งงานกับดาวิด ดาวิดไม่ได้ฆ่าบุตรชายของซาอูลหรือบุตรของโยนาธานเลย จึง กล่าวได้ว่าท่านรักษาพันธสัญญาที่มีไว้กับซาอูลและกับโยนาธานทุกประการ

117 การจากกันของดาวิดและซาอูลใน 24:22 เป็นเหมือนเส้นขนานระหว่างการจากกันของ โยนาธานและดาิวิดใน 23:18 ผมไม่แน่ใจว่าการจากกันของทั้งสองเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกัน อย่างไร แต่แน่นอนต้องมีการเกี่ยวข้องกันอยู่

118 จากหนังสือของ ยอห์ เมอร์เรย์ ชื่อ The Epistle to the Romans The New International Commentary on the New Testament, 2 vols. [Grand Rapids: Eerdmans, 1965], 2:141-142 ที่ Dale Ralph Davis นำมาใช้ vol. 2, p. 108, fn. 10.

Related Topics: Introductions, Arguments, Outlines

Report Inappropriate Ad