MENU

Where the world comes to study the Bible

บทที่ 6: กษัตริย์องค์แรกของอิสราเอล (1 ซามูเอล 9:1 —11:13)

คำนำ

เมื่อ 40 ปีที่แล้ว พ่อแม่ของผมอาศัยอยู่ในเมืองบนภูเขาที่มีประชากรอยู่ค่อนข้างน้อย จากบ้านมองลงมาเห็นวิวของ พูเกตซาวนด์ในมลรัฐวอชิงตัน (พ่อผมอุตส่าห์ขึ้นไปปลูก บ้านบนภูเขาเพื่อที่จะเห็นทั้งวิวทะเลและถนน) บ่ายวันอาทิตย์หนึ่ง พ่อกับแม่ไปเอน หลังงีบ ผมกับน้องสาวออกไปวิ่งเล่นกันอยู่แถวถนน มีรถขึ้นมาจอดข้างหน้าเรา คนขับ ถามว่าเราเห็นหมูของเขาหรือเปล่า มันหลุดออกมาจากคอกแล้ววิ่งหนีมาแถวๆนี้ ผมกับ น้องคิดว่าการออกไปช่วยตามล่าหาหมูยามบ่ายคงเป็นเรื่องสนุกแน่ๆ เราเลยขึ้นรถของ เขาออกไปช่วยกันตามหาหมู

คนขับเตือนเราให้ระวังเลื่อยอันใหญ่ที่พึ่งลับใบมีดมา วางอยู่บนพื้นท้ายรถตรงที่เรานั่ง แต่รู้สึกว่าจะเตือนช้าไปหน่อย น้องสาวผมเอาขาเข้าไปลับคมพอดี ทำให้ถูกบาดเป็น แผลลึกหลายแห่ง คนขับรถตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เอาผ้าขี้ริ้วพันขาเธอไว้กันไม่ให้ เลือดออกมาก โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร คนขับรีบ บึ่งรถไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอมาถึงโรงพยาบาลผมค่อยโทรบอกพ่อซึ่งยังคง งีบอยู่ และนึกว่าเรายังวิ่งเล่นอยู่แถวหน้าบ้าน พวกเขาถึงกับช็อคพอรู้ว่าเราอยู่กันที่โรง พยาบาล และรูธถูกเลื่อยบาดขาต้องเย็บหลายแผลทีเดียว

นับเป็นการล่าหมูที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม สิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องตื่นเต้นท้าทายกลับ พลิกผันกลายเป็นล้มเหลว แถมยังนำมาซึ่งการเจ็บตัวเข้าโรงพยาบาล และอาการตกใจ ของพ่อแม่ แต่สำหรับบทเรียนตอนนี้ การตามล่าหาสัตว์กลับกลายเป็นเรื่องตรงข้าม เริ่มต้นด้วยการที่ลาหลายตัวหลุดรอดหนีออกไป ซาอูลกับคนงานจึงต้องออกไปตาม หา พวกเขาไม่เคยหามันพบ แต่การออกไปค้นหาครั้งนี้กลับกลายเป็นได้รับผลที่ คุ้มค่าที่สุด ดังที่เราจะมาเรียนต่อไป ภารกิจที่เริ่มต้นอย่างน่าเบื่อหน่ายนี้ กลับกลายเป็น การเปิดเผยของพระเจ้าซึ่งทำให้ซาอูลหัวหมุนด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจเป็นล้นพ้น

อารมณ์คนอิสราเอลในช่วงนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังรอคอย พวกผู้นำประเทศที่ ประชาชนให้ความสนับสนุนไปพบกับซามูเอล เรียกร้องขอให้มีกษัตริย์ เพื่อจะได้ทำการ วินิจฉัยพวกเขาเหมือนประชาชาติอื่นๆรอบด้าน ซามูเอลไม่พอใจ ท่านรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ มาจากความเชื่อหรือการเชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าทรงยืนยันในความคิดของซามูเอล พระองค์ทรงปลอบซามูเอลในสิ่งที่ผู้นำประเทศได้กระทำกับท่าน ซึ่งเป็นเหมือนเช่น เดียวกับในอดีต ชาวอิสราเอลกำลังออกห่างจากพระเจ้าหันไปหารูปเคารพแทน ประชา ชนไม่ได้ปฏิเสธซามูเอลในฐานะผู้วินิจฉัย ; พวกเขากำลังปฏิเสธไม่ยอมให้พระเจ้าเป็น กษัตริย์ นอกจากบาปที่ร้องขอกษัตริย์แล้ว พระเจ้าสั่งให้ซามูเอลเตือนประชาชนถึง ราคาแพงของการมีกษัตริย์ แต่พวกเขาจะได้กษัตริย์ตามที่ร้องขอ เมื่อได้รับการยืนยัน เช่นนี้ ซามูเอลจึงส่งประชาชนกลับไปบ้านเรือนของตนและให้คอยอยู่ (8:22).

โดยมองข้ามเสียงเตือนและความบาปที่ร้ายแรง ชาวอิสราเอลรู้สึกตื่นเต้นกับกษัตริย์ ที่จะมีในอนาคต พระเจ้าได้ตรัสสั่งไว้ในเฉลยธรรมบัญญัติ 17:15 ว่าพระองค์จะเป็นผู้ เลือกและแต่งตั้งผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์ และแน่นอนซามูเอลต้องเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ตาม ที่พระองค์เลือก ทุกคนจึงเพ่งไปที่ซามูเอล ใครก็ตามที่มีซามูเอลผู้เผยพระวจนะท่านนี้ พบปะเจอะเจออยู่ในข่ายทั้งสิ้น จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมลุงของซาอูลถึงอยาก จะรู้นักว่าซามูเอลพูดอะไรกับซาอูล (1 ซามูเอล 10:14-16).

ไม่มีใครคาดคิดถึงวิธีที่พระเจ้าทรงเลือกกษัตริย์ แต่ใน 1 ซามูเอล บทที่ 9-11 บันทึก เรื่องนี้ไว้ เหตุการณ์ในทั้งสามบทนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าซาอูลเป็นผู้ที่ พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์องค์แรกของอิสราเอลจริงๆ และพระองค์ได้จัดเตรียม ท่านให้พร้อมสำหรับขึ้นมารับภาระหน้าที่นี้ เหตุการณ์ในบทที่ 9 พระเจ้าทรงสำแดงให้ ซามูเอลทราบว่าทรงเลือกซาอูล ส่วนบทที่ 9 และ 10 เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าให้ความ มั่นใจกับซามูเอลว่าพระองค์ทรงเลือกซาอูลให้เป็นกษัตริย์จริง ในบทที่ 10 และ 11 มี การจับสลากเลือก และมีการแต่งตั้งซาอูลขึ้นเป็นกษัตริย์ เรื่องการมีชัยเหนือนาหาช และคนอัมโมน ซึ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนว่าซาอูลเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกจริง เราอาจจะนำขั้นตอนที่ผสมผสานกันอยู่ในทั้งสามบทมาแบ่งให้เห็นดังนี้ :

9:1

9:17

เพื่อเป็นประโยชน์ต่อซามูเอล

————————————————->

9:1

9:18

10:9

เพื่อเป็นประโยชน์ต่อซาอูล

——————————————————————————————>

9:1

10:10

11:13

เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออิสราเอล

————————————————————————————————————————>

ซามูเอลรับทราบ: ซาอูลคือผู้จะมาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
(9:1-17)

1 มีชายคนหนึ่งเผ่าเบนยามินชื่อคีช บุตรของอาบีเอล ผู้เป็นบุตรของเศโรร์ บุตรของเบโครัท บุตรของอาหิยาห์ คนเผ่าเบนยามิน เป็นคนร่ำรวย 2 ท่านมีบุตรชายคนหนึ่ง ชื่อซาอูล เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวรูปงาม ไม่มีชายคนใดในหมู่ คนอิสราเอลที่จะงามกว่าเขา เขาสูงกว่าประชาชนทั้งหลาย ตั้งแต่บ่าขึ้นไป 3 ฝ่ายฝูงแม่ลาของคีชบิดาของซาอูลหาย ไป คีชจึงกล่าวแก่ซาอูลบุตรของตนว่า "ลุกขึ้น เอาคนใช้ คนหนึ่งไปกับเจ้าเพื่อไปหาลา" 4 เขาทั้งสองก็ผ่านแดน เทือกเขาแห่งเอฟราอิม ผ่านเข้าแผ่นดินชาลิชา เขาหาลาไม่ พบ เขาก็ผ่านข้ามแผ่นดินชาอาลิมแต่ลาไม่อยู่ที่นั่น แล้วเขา ผ่านเข้าแผ่นดินของคนเบนยามิน แต่ก็หาลาไม่พบ 5 เมื่อเขา มาถึงแผ่นดินศูฟ ซาอูลจึงพูดกับคนใช้ผู้ซึ่งอยู่กับท่านว่า "มา เถิด ให้เรากลับไป เกรงว่าบิดาของข้าจะเลิกกังวลเรื่องลา และ มาร้อนใจด้วยเรื่องของเรา" 6 แต่คนใช้ตอบท่านว่า "ดูเถิด มีคนของพระเจ้าคนหนึ่งในเมืองนี้ เป็นคนที่เขานับถือกันมาก สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นเป็นไปตามที่กล่าวนั้นทุกอย่าง ขอให้เราไป ที่นั่น ชะรอยท่านจะบอกเราถึงทางซึ่งเราควรดำเนิน" 7 แล้ว ซาอูลพูดกับคนใช้ของท่านว่า "แต่ดูเถิด ถ้าเราไปเราจะเอา อะไรไปให้ชายผู้นั้น เพราะขนมปังในย่ามของเราก็หมดแล้ว เราไม่มีของขวัญที่จะนำไปให้แก่คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง" 8 คนใช้ตอบซาอูลอีกว่า "ผมมีเงินอยู่หนึ่งเสี้ยวเชเขล และผมจะให้แก่คนของพระเจ้า เพื่อจะบอกหนทางให้ แก่เรา" 9 (ในอิสราเอลสมัยเดิม เมื่อคนใดจะไปทูล ถามพระเจ้า เขากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราไปหาผู้ทำนาย กัน" เพราะผู้ที่ในสมัยนี้เราเรียกว่าผู้เผยพระวจนะนั้น ในสมัยเดิมเขาเรียกว่าผู้ทำนาย) 10 และซาอูลจึงพูดกับ คนใช้ของท่านว่า "พูดดีนี่ มาให้เราไปกันเถิด" เขาทั้งสอง จึงไปที่เมืองซึ่งคนของพระเจ้าอยู่ 11 ขณะเมื่อเขาขึ้นภูเขา ไปยังเมืองนั้น เขาพบพวกผู้หญิงสาวออกมาตักน้ำ จึงถามว่า "ผู้ทำนายอยู่ที่นี่หรือ" 12 เธอทั้งหลายตอบว่า "อยู่นี่ ดูเถิด ท่านเพิ่งขึ้นหน้าท่านไป จงรีบเข้าเถิดท่านเพิ่งมาในเมืองเมื่อ กี้นี้ เพราะว่าวันนี้ประชาชนทำการถวายสัตวบูชา ณ ปูชนีย สถานสูง 13 พอท่านทั้งสองเข้าไปถึงในเมือง ท่านทั้งสอง จะพบก่อนที่ผู้ทำนายขึ้นไปรับประทานอาหาร ณ ปูชนียสถาน สูง เพราะว่าประชาชนจะไม่รับประทานจนกว่าท่านจะมาถึง เพราะท่านจะต้องมาอวยพรแก่เครื่องสัตวบูชา ภายหลังผู้ที่ ได้รับเชิญจึงรับประทาน ขึ้นไปเถิด ท่านทั้งสองจะพบทันที" 14 เขาทั้งสองก็ขึ้นไปยังเมืองนั้น ขณะเมื่อเขาเข้าไปในเมือง ดูเถิด ซามูเอลกำลังเดินออกมาจะไปยังปูชนียสถานสูงนั้น 15 พระเจ้าทรงสำแดงแก่ซามูเอล แล้วในวันก่อนวันที่ซาอูล มาถึงว่า 16 "พรุ่งนี้เวลาประมาณเท่านี้เราจะส่งชายผู้หนึ่งซึ่ง มาจากดินแดนเบนยามิน เจ้าจงเจิมเขาให้เป็นเจ้าเหนือ อิสราเอล ประชากรของเรา เขาจะช่วยประชากรของเรา ให้พ้นจากมือคนฟีลิสเตีย เพราะเราได้มองดูความทุกข์ใจ แห่งประชากรของเราแล้ว ด้วยเสียงร้องทุกข์ของเขามาถึง เรา" 17 เมื่อซามูเอลเห็นซาอูลเข้าแล้ว พระเจ้าทรงบอก ท่านว่า "นี่เป็นชายคนที่เราได้พูดกับเจ้าแล้วนั้น เขาเป็น ผู้ที่จะปกครองเหนือประชากรของเรา"

เหตุการณ์ในตอนนี้เป็นประโยชน์ต่อซาอูลและต่ออิสราเอล แต่เป็นเรื่องดีเรื่องแรกต่อ ซามูเอล เพราะหลังจากที่พระเจ้าตรัสสั่ง ซามูเอลจึงสัญญาว่าจะมีกษัตริย์ให้กับชาว อิสราเอล และตอนนี้ท่านต้องทำหน้าที่เสาะหาว่าผู้ใดคือผู้ที่พระเจ้าเลือกสรร เหตุการณ์ ตอนนี้ทำให้ซาอูลต้องมาพบกับซามูเอลด้วยวิธีที่ผู้เผยพระวจนะท่านนี้แน่ใจว่าคือผู้ที่ พระเจ้าเลือกไว้ให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล

บิดาของซาอูล คีช เป็นคนเผ่าเบนยามินและเป็นคนมีชื่อเสียง พระวจนะคำกล่าวว่า ท่านเป็น "คนร่ำรวย" (9:1) คำนี้น่าจะเป็นที่เข้าใจว่า อาจเป็นคนเก่ง คนที่ประสพ ความสำเร็จ หรือมีอำนาจบารมี ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม น่าจะเป็นผู้ที่น่านับถือ ซาอูล จึงมาจากตระกูลดี และในขณะที่ซาอูลยังไม่เป็นที่รู้จัก อย่างน้อยท่านก็มีรูปลักษณ์ที่ สง่างามโดดเด่นกว่าผู้ใด พูดสั้นๆอย่างที่ลูกสาววัยรุ่นเราชอบพูดคือ "โดนใจ" ท่านเป็น คนสูง (สูงกว่าคนอิสราเอลโดยทั่วไป) คล้ำ (ซึ่งเป็นปกติสำหรับคนที่เกิดในแถบนั้น – และยิ่งทำงานในไร่ด้วยแล้ว ผิวคงเป็นสีแทนสวยงาม) และรูปหล่อ คงจะอธิบายได้ มากกว่านี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่านเหมาะสมทุกประการที่จะมาเป็นกษัตริย์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือสัตว์บางตัวของคีชหายไปจากไร่ เราไม่รู้ว่าลามันหลุดออกไปได้ อย่างไร แต่มันก็หายไปจากฟาร์มแล้ว คีชจึงส่งบุตรชาย ซาอูลออกตามหา โดยสั่งให้ นำคนใช้ไปด้วย ทั้งคู่ทำไม่สำเร็จในเรื่องตามหาลา แต่กลับไปเกิดผลในเรื่องอื่นแทน ชายทั้งสองเดินทางไปเกือบทุกแห่งในสามวัน แต่ก็ยังไม่พบลา ซาอูลกำลังจะยกธง ยอมแพ้ เพราะบิดาคงจะเริ่มเป็นห่วงลูกมากกว่าห่วงลาแล้ว

แต่คนใช้หนุ่มของซาอูลไม่ค่อยจะแน่ใจ เพราะเขารู้ว่ากำลังไปใกล้กับสถานที่ที่เป็นที่ พักของ "คนของพระเจ้า" ดูเหมือนทั้งซาอูลและคนใช้ไม่รู้จักชื่อ "คนของพระ เจ้า" ท่านนี้ แต่คนใช้ก็ยังรู้มากกว่าซาอูล "คนของพระเจ้า" คือ "ผู้ทำนาย" เป็นชื่อที่ใช้เรียกผู้เผยพระวจนะในสมัยก่อน31 คนใช้รู้จักชื่อเสียงของซามูเอล แม้จะ ไม่รู้จักชื่อ ท่านคงเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องนับถือมาก และสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นจริงทุก ประการ – ผู้เผยพระวจนะที่แท้จริง บางทีท่านอาจให้คำปรึกษาถึงเรื่องการเดินทาง และเรื่องลาที่หายไปก็ได้

ซาอูลเห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่ก็ติดขัดอยู่ที่ปัญหาสำคัญคือเรื่อง – ไม่มีของกำนัลไป มอบให้ผู้ทำนาย สเบียงที่มีอยู่ก็หมดไปแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งขนมปังจะกิน แล้วพวกเขา จะไปกล้าขอความช่วยหลือจากท่านผู้นี้มือเปล่าได้อย่างไร ? คนใช้หาทางออกให้ได้ เขามีเหรียญเงินอยู่หนึ่งเหรียญซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการบริการ ด้วยความกล้า ซาอูลตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจาก "คนของพระเจ้า" ผู้นี้ ทั้งๆที่ไม่รู้จักและไม่รู้ ว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่เรื่องใด

เมื่อซาอูลและคนใช้มาถึงบริเวณนอกเมือง ก็พบกับผู้หญิงที่กำลังเดินไปตักน้ำ จึงถาม นางถึงผู้ทำนาย นางบอกว่าท่านยังอยู่ และถ้ารีบๆหน่อยก็อาจจะมีโอกาสพบกับท่าน เพราะท่านกำลังจะไปทำการถวายสัตวบูชา และรับประทานอาหารกับผู้ที่ได้รับเชิญ เพราะถ้าเริ่มแล้ว ทั้งสองคงต้องรออีกนานกว่าพิธีจะเสร็จ โดยเฉพาะทั้งสองเป็นแขกที่ ไม่ได้รับเชิญ คงไม่สามารถเข้าไปขัดจังหวะพิธีและงานฉลองได้ ดังนั้นตอนนี้ น่าจะ เหมาะที่สุด ขอให้รีบไป32

ซาอูลกับคนใช้จึงรีบมุ่งตรงเข้าไปในเมือง ขณะที่เข้าเมืองมา ซามูเอลมองเห็นทั้งคู่ พระคำตอนนี้ในข้อ 15 และ 16 มีการอธิบายเสริมอีก ในมุมมองของมนุษย์ การมา ถึงของซามูเอลไม่น่าจะเป็นไปได้ (เพราะทั้งสองเดินทางไปทั่วเพื่อตามหาลาที่หาย เสบียงอาหารหมดลง และคงอยากกลับบ้าน) จากมุมมองของหญิงที่ไปตักน้ำ พวกเขา นั้นโชคดี จากมุมมองของพระเจ้าคือเป็นไปตามที่ทรงกำหนดไว้ ซึ่งเราจะมาดูกันต่อ วันก่อนหน้านี้ พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่าท่านจะได้พบผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์ในวันรุ่งขึ้น จะเป็นผู้ที่มาจากเผ่าเบนยามิน และซามูเอลต้องเป็นผู้ทำการเจิมตั้ง กษัตริย์องค์นี้เป็น ของประทานที่มีค่าจากพระเจ้า ผู้ทรงได้ยินถึงคำร้องทุกข์ของประชาชน และได้ส่งชาย ผู้นี้มาช่วยพวกเขาให้รอดจากเงื้อมมือของชาวฟิลิสเตีย เมื่อซามูเอลห็นซาอูลและคน ใช้กำลังเดินมาหาท่าน พระเจ้าตรัสกับท่านว่าเป็นชายผู้นี้แหละ ซามูเอลจึงทราบว่า คนที่กำลังเดินมาหาท่านนั้นคือผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล

ซาอูลรับการแจ้งและชีวิตท่านได้เปลี่ยนแปลง
(9:17—10:9)

17 เมื่อซามูเอลเห็นซาอูลเข้าแล้ว พระเจ้าทรงบอกท่านว่า "นี่เป็นชาย คนที่เราได้พูดกับเจ้าแล้วนั้น เขาเป็นผู้ที่จะปกครองเหนือประชากรของ เรา" 18 แล้วซาอูลก็เข้ามาใกล้ซามูเอลที่ประตูและกล่าวว่า "ขอบอก ข้าพเจ้าหน่อยว่า บ้านของผู้ทำนายอยู่ที่ไหน" 19 ซามูเอลตอบซาอูลว่า "ฉันเป็นผู้ทำนาย จงเดินขึ้นหน้าฉันไปยังปูชนียสถานสูงนั้น เพราะในวันนี้ ท่านจะรับประทานอาหารกับฉัน และพรุ่งนี้เช้าฉันจึงจะให้ท่านไปและฉัน จะบอกทุกอย่างที่ข้องอยู่ในใจของท่านแก่ท่าน 20 ส่วนเรื่องลาของท่าน ที่หายไปสามวันแล้วนั้นอย่าเอาใจใส่เลย เพราะเขาพบแล้ว ความปรารถนา ของคนอิสราเอลนั้นมุ่งหมายเอาใครเล่า ไม่ใช่ตัวท่านและพงศ์พันธุ์ของ บิดาท่านดอกหรือ" 21 ซาอูลตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่ใช่คนเผ่าเบนยามินดอก หรือ เป็นเผ่าเล็กน้อยที่สุดในอิสราเอล และตระกูลของข้าพเจ้าไม่ใช่ตระกูล ที่ด้อยที่สุดในเผ่าเบนยามินดอกหรือ ทำไมท่านจึงพูดกับข้าพเจ้าอย่างนี้เล่า" 22 แล้วซามูเอลก็พาซาอูลกับคนใช้ของท่านเข้าไปในห้องโถง ให้นั่งในตอน ต้นที่นั่งสำหรับผู้ที่รับเชิญ ซึ่งมีประมาณสามสิบคน 23 และซามูเอลพูดกับคน ครัวว่า "จงนำส่วนที่ฉันได้มอบให้ ซึ่งฉันบอกว่า 'เก็บไว้ต่างหาก' นั้นมา" 24 คนครัวจึงนำเอา ส่วนขาและส่วนบนนั้นมาวางไว้ที่ข้างหน้าซาอูล และซามูเอลกล่าวว่า "ดูเถิด สิ่งที่ได้เก็บไว้ก็วางอยู่ต่อหน้าท่าน จงรับประทาน เถิด เพราะว่าเก็บไว้ให้แก่ท่านจนถึงชั่วโมงที่กำหนดไว้ ฉันได้เชิญประชาชน มาแล้ว" ซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอลในวันนั้น 25 และเมื่อเขาทั้งหลาย ลงมาจากปูชนียสถานสูงเข้ามาในเมือง ท่านสนทนากับซาอูลบนดาดฟ้าหลัง คาบ้าน 26 และเขาทั้งสองตื่นแต่เช้าตรู่ และอยู่มาเมื่อสว่างแล้ว ซามูเอลก็เรียก ซาอูลผู้อยู่บนดาดฟ้าว่า "จงลุกขึ้นเถิด เพื่อฉันจะส่งท่านไปตามทางของท่าน" ซาอูลก็ลุกขึ้น ท่านทั้งสองก็เดินออกไปที่ถนน ทั้งท่านและซามูเอล 27 เมื่อเขา ทั้งหลายกำลังลงมาที่ชานเมือง ซามูเอลจึงพูดกับซาอูลว่า "จงบอกคนใช้ให้เดิน ล่วงหน้าเราไปก่อน และเมื่อเขาเดินพ้นไปแล้วท่านจงหยุดที่นี่ก่อน เพื่อฉันจะได้ แจ้งพระดำรัสของพระเจ้าให้ท่านทราบ" (1ซามูเอล 10) 1 แล้วซามูเอลก็หยิบ

ขวดน้ำมันเทลงบนศีรษะของซาอูล และจุบท่านแล้วกล่าวว่า "พระเจ้าทรงเจิม ท่านไว้ให้เป็นเจ้านายเหนืออิสราเอล ประชากรมรดกของพระองค์แล้วมิใช่หรือ 2 เมื่อท่านจากฉันไปในวันนี้ ท่านจะพบชายสองคนริมที่ฝังศพของนางราเชลใน เขตแดนเบนยามินที่เศลซาห์และเขาทั้งสองจะบอกท่านว่า 'ลาซึ่งท่านไปหานั้น พบแล้ว นี่แน่ะ บัดนี้บิดาของท่านเลิกกังวลเรื่องลาแล้ว และร้อนใจเรื่องของท่าน กล่าวว่า "เราจะทำอย่างไรเรื่องบุตรชายของเราดี'" 3 และท่านจะเดินเลยที่นั่นไป ถึงต้นก่อหลวงตำบลทาโบร์ ที่นั่นชายสามคนซึ่งกำลังขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าที่เบธเอล จะพบท่าน คนหนึ่งอุ้มลูกแพะสามตัวอีกคนหนึ่งถือขนมปังสามก้อน และอีกคนหนึ่ง ถือถุงหนังเหล้าองุ่นถุงหนึ่ง 4 เขาทั้งหลายจะคำนับท่านและมอบขนมให้ท่านสอง ก้อน ซึ่งท่านจะรับจากมือของเขา 5 ต่อจากนั้นท่านจะมาถึงกิเบอัทเอโลฮิม ที่นั่น มีกองทหารรักษาการของคนฟีลิสเตีย เมื่อท่านมาถึงเมืองนั้น ท่านจะพบผู้เผยพระ วจนะ หมู่หนึ่งกำลังลงมาจาก ปูชนียสถานสูงถือพิณใหญ่ รำมะนา ปี่ พิณเขาคู่ นำหน้ามา กำลังเผยพระวจนะเรื่อยมา 6 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าจะ าสถิตกับ ท่านอย่างมาก และท่านจะเผยพระวจนะกับคนเหล่านั้น เปลี่ยนเป็นคนละคน 7 เมื่อ หมายสำคัญเหล่านี้เกิดแก่ท่านแล้วจงกระทำอะไรตามแต่มีโอกาสเถิด เพราะพระเจ้า ทรงสถิตกับท่าน 8 และท่านจงลงไปที่กิลกาลก่อนฉัน และดูเถิด ฉันจะลงมาหาท่าน เพื่อจะถวายเครื่องเผาบูชา และถวายสัตว์เป็นเครื่องศานติบูชา ท่านจงคอยอยู่ที่นั่น เจ็ดวันจนฉันมาหาท่านและสำแดงแก่ท่านว่า ท่านควรจะกระทำอะไร" 9 เมื่อซาอูลหัน หลังไปจะจากซามูเอล พระเจ้าทรงประทานจิตใจอีกอย่างหนึ่งแก่ท่าน และหมาย สำคัญเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันนั้น

ซามูเอลทราบว่าซาอูลคือคนที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล แต่ซาอูลไม่ ทราบเลย บทเรียนต่อไปนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่พระเจ้าดำเนินตามขั้นตอนของพระ องค์ ในการแจ้งให้ทราบและในการเปลี่ยนแปลงซาอูลให้พร้อมที่จะเป็นกษัตริย์เหนือ อิสราเอล จากตอนต้นของบทเรารู้ว่าซาอูลไม่เคยรู้จักซามูเอลมาก่อน ขณะที่ทั้งสอง เข้าเมืองมา ซาอูลสอบถามกับชายที่ท่านพบคนแรกถึงทางที่จะไปยังบ้านของท่าน "ผู้ทำนาย" ท่านผู้ที่ซาอูลถามคือซามูเอลเอง ซามูเอลจึงแจ้งกับซาอูลว่าท่านเองคือ ผู้ทำนาย แต่ก่อนที่ซาอูลมีโอกาสสอบท่านถึงเรื่องที่เตรียมมา ซามูเอลเอ่ยปากพูดใน สิ่งที่ซาอูลไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง ซามูเอลสั่งให้ซาอูลเดินนำท่านขึ้นไปบนสถานสูง ที่ ซึ่งกำลังจะมีการถวายสัตวบูชา และรับประทานอาหารกัน ซาอูลต้องไปร่วมรับประทาน กับซามูเอลและอยู่ค้างคืนด้วย และในวันรุ่งขึ้น ซามูเอลจะแจ้งแก่ซาอูล "ทุกอย่าง ที่ข้องอยู่ในใจ" ก่อนส่งท่านกลับไป หลังจากนั้น ซามูเอลพูดต่อในสิ่งที่ทำให้ซาอูลถึง กับตกตะลึง : "ส่วนเรื่องลาของท่านที่หายไปสามวัน แล้วนั้นอย่าเอาใจใส่เลย เพราะเขาพบแล้ว ความปรารถนาของคนอิสราเอลนั้นมุ่งหมายเอาใครเล่าไม่ ใช่ตัวท่านและพงศ์พันธุ์ของบิดาท่านดอกหรือ ?" (9:20).

ซาอูลยังไม่มีโอกาสเอ่ยปากพูดเรื่องใด ซามูเอลก็รู้ทุกสิ่งที่ท่านอยากทราบโดยไม่ต้อง ถาม ซามูเอลพูดถึงลาที่หายไป หายไปนานกี่วัน และมีคนพบแล้ว ถ้าสิ่งนี้ทำให้ซาอูล ประหลาดใจ ยังมีเรื่องที่ทำให้ประหลาดใจมากไปกว่าอีก เมื่อซามูเอลบอกถึงสิ่งที่อยู่ใน ใจท่าน . . . วันรุ่งขึ้น (ดูข้อ 19) ถ้าไม่ใช่เรื่องลาที่หายไปแล้วควรจะเป็นเรื่องใดเล่า ? ผมว่าเรื่องที่ซามูเอลจะพูดต่อไปในข้อ 20 : "ความปรารถนาของคนอิสราเอลนั้น มุ่งหมายเอาใครเล่า ไม่ใช่ตัวท่านและพงศ์ พันธุ์ของบิดาท่านดอกหรือ ?" (9:20) คำพูดที่ซาอูลตอบซามูเอลในข้อ 21 นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ซาอูลต้องนำมาขบ คิด ในเมื่อเรื่องลาก็จบไปแล้ว ที่ซามูเอลพูดนั้นหมายถึงเรื่องใดกันแน่ ? แล้วทำไม ซามูเอลต้องพูดให้ซาอูลฟังด้วย ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่ได้มาจาก เผ่าใหญ่ หรือมาจากตระกูลดังของอิสราเอล ? ผมเชื่อว่าซามูเอลหว่านคำพูดเข้าไป ให้ซาอูลต้องคิดหนัก จนกว่าจะถึงวันรุ่งขึ้นที่ซามูเอลจะมาบอกเพิ่มเติม

ซามูเอล ซาอูลและคนรับใช้จึงขึ้นไปยังสถานสูง และได้รับเชิญให้ไปนั่งในที่มีเกียรติ ต่อหน้าบรรดาแขกที่เชิญมา33 http://www.bible.org/docs/ot/books/1sa/deffin/ซามูเอลเป็นบุรุษแห่งความเชื่อ เมื่อพระเจ้ากล่าวว่า ท่านจะพบกับผู้ที่เป็นกษัตริย์ในวันรุ่งขึ้น (9:16) ซามูเอลจึงสำรองที่นั่งพิเศษในฐานะ แขกเกียรติยศล่วงหน้า (9:23-24) มีการสั่งพ่อครัวให้เก็บชิ้นเนื้อเตรียมไว้ และให้นำมา เสิร์ฟเมื่อท่านสั่ง (หรือเมื่อกษัตริย์ที่สัญญาไว้มาถึง) เมื่อซาอูลกับคนใช้นั่งลงที่หัวโต๊ะ ซามูเอลจึงสั่งให้พ่อครัวนำชิ้นเนื้อนั้นมาให้ ผู้ที่ดูเหมือนเป็นแขกไม่ได้รับเชิญนั้น ที่จริง คือแขกเกียรติยศตัวจริง

ซามูเอลได้มีโอกาสพูดคุยกับซาอูลบนดาดฟ้าก่อนการนอนหลับพักผ่อน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซามูเอลปลุกซาอูล และไปส่งท่านเงียบๆก่อนที่คนอื่นจะตื่นมาเห็นด้วยความสงสัย ใน ขณะที่เดินออกนอกเมือง ซามูเอลสั่งซาอูลให้บอกคนใช้เดินล่วงหน้าไปก่อน เพื่อท่าน จะมีโอกาสพูดเป็นการส่วนตัวกับซาอูล และเมื่อท่านพูด ท่านนำขวดน้ำมันเจิมที่ศีรษะ ของซาอูล จุบซาอูล และบอกกับท่านว่า พระเจ้าได้ทรงเลือกท่านให้เป็นผู้ที่จะมาปก ครองอยู่เหนืออิสราเอล

ไม่ต้องสงสัย ซาอูลคงรู้สึกเหมือนระเบิดตกใส่ ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวานและคำพูดอัน คลุมเคลือของซามูเอล ถึงแม้ซามูเอลจะพูดเป็นทำนองว่าซาอูลจะเป็นกษัตริย์ แต่ตอน นี้ไม่ต้องสงสัยต่อไป เพราะเป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซนต์ คำพูดของซามูเอลและสิ่งที่ ท่านทำ (เจิมน้ำมัน) ทำให้เห็นชัดเจนว่าซาอูลได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์ แต่ซาอูลเป็น ประเภทที่ต้องการความแน่ใจ (ดู 10:22) ซามูเอลจึงต้องทำนายถึงสิ่งที่ซาอูลจะพบ เห็นในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แรกสุด บนถนนไปยังที่ฝังศพของราเชล ท่านจะพบชาย สองคนผู้ที่จะบอกท่านในเรื่องเดียวกับที่ซามูเอลพูดไปแล้ว คือเรื่องลาที่หายไปนั้นพบ แล้ว และบิดาของซาอูลกำลังเป็นห่วงบุตรชาย

และหลังจากนั้นเมื่อเขาทั้งสองไปถึงที่ "ต้นก่อหลวง ตำบลทาโบร์ " จะพบกับชาย สามคนที่กำลังไปเฝ้าพระเจ้าที่เบธเอล ชายคนหนึ่งจะอุ้มลูกแพะสามตัว อีกคนหนึ่งมี ขนมปังสามก้อน และคนที่สามจะมีถุงหนังองุ่นไปด้วย ทั้งสามไม่เพียงแต่จะทักทาย ซาอูลและคนใช้เท่านั้น แต่จะมอบขนมปังให้สองก้อนด้วย ขนมปังนี้เพื่อเป็นเสบียง สำหรับเดินทางกลับบ้าน

ข้อ 14-16 ของบทที่ 10 เป็นการสำแดงส่วนตัวให้ซาอูลมั่นใจว่า ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้า เลือกให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ผู้เขียนเรียงลำดับเหตุการณ์ตามที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น เมื่อซาอูลกลับไปถึงบ้าน ปฏิกิริยาของลุงมีขึ้น หลังจากที่ท่านเริ่มเผยพระวจนะ (ข้อ 10-13) และคำสนทนากับคุณลุงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ท่านมั่นใจ

เมื่อซาอูลกลับมาถึงบ้าน ลุงของท่านออกมาทักทายและถามว่าท่านหายไปไหนมา ซาอูลเล่าให้ฟังเพียงคร่าวๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเจิมตั้ง แต่การที่ซาอูลไม่ พูดนั้นยิ่งทำให้ลุงสงสัยมากขึ้น ดูเหมือนท่านอยากรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกันแน่ ตั้งแต่ที่ได้ ยินว่าซาอูลไปพบกับซามูเอลมา ซาอูลเพียงแต่เล่าเฉพาะเรื่องลาที่หายไป ดังนั้นจึง เป็นเรื่องที่ซามูเอลต้องประกาศอย่างเป็นทางการถึงการแต่งตั้งกษัตริย์ของอิสราเอล

ประกาศแต่งตั้งกษัตริย์อิสราเอล
(10:10—11:13)

10:10 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงกิเบอาห์ ดูเถิด ผู้เผยพระวจนะหมู่หนึ่งพบ กับท่าน และพระวิญญาณของพระเจ้าสิงสถิตกับท่านอย่างมาก และ ท่านก็เผยพระวจนะอยู่ในหมู่พวกเขา 11 และเมื่อคนทั้งหลายที่รู้จัก ท่านมาก่อน เห็นท่านเผยพระวจนะอยู่กับพวกผู้เผยพระวจนะ ประชาชน เหล่านั้นก็พูดกันและกันว่า "อะไรหนอเกิดขึ้นแก่บุตรชายของคีช ซาอูล อยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ" 12 ชายคนหนึ่งอยู่ที่นั่นตอบว่า "และบิดาของเขาทั้งหลายคือใคร" ดังนั้นจึงเป็นคำภาษิตว่า "ซาอูล อยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ" 13 เมื่อท่านเผยพระวจนะสิ้นลง แล้วท่านก็มายังปูชนียสถานสูง 14 ฝ่ายลุงของซาอูลจึงถามซาอูลกับ คนใช้ว่า "เจ้าไปไหนมา" และเขาตอบว่า "ไปหาลา และเมื่อเราเห็นว่า เราไม่พบลานั้นแล้ว เราจึงไปหาซามูเอล" 15 ลุงของซาอูลกล่าวว่า "ซามูเอลบอกอะไรแก่เจ้าบ้างขอเล่าให้ฟัง" 16 และซาอูลตอบลุงของ เขาว่า "เขาบอกเราแจ่มแจ้งว่าพบลาแล้ว" แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับราช อาณาจักร ซึ่งซามูเอลกล่าวถึงนั้นท่านไม่ได้บอกสิ่งใดเลย 17 ฝ่าย ซามูเอลจึงเรียกประชาชน มาประชุมต่อพระเจ้าที่มิสปาห์ 18 และท่าน กล่าวแก่คนอิสราเอลว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'เราได้นำอิสราเอลออกจากอียิปต์ และเราได้ช่วยกู้เจ้าทั้งหลายจากมือ ของชาวอียิปต์ และจากมือของราชอาณาจักรทั้งหลายที่บีบบังคับเจ้า' 19 แต่วันนี้ท่านละทิ้งพระเจ้าของท่าน ผู้ซึ่งช่วยท่านให้พ้นจากความ ยากลำบากและความทุกข์ร้อน และท่านทั้งหลายกล่าวว่า 'เราไม่ยอม แต่ขอตั้งกษัตริย์ไว้เหนือเรา' เพราะฉะนั้นบัดนี้ท่านทั้งหลายจงเข้าเฝ้า พระเจ้าตามเผ่าของท่านและตามตระกูลของท่าน" 20 แล้วซามูเอลก็ นำเผ่าอิสราเอลทุกเผ่าเข้ามาใกล้ และจับฉลากได้เผ่าเบนยามิน 21 ท่านก็นำเผ่าเบนยามินเข้ามาใกล้ตามตระกูล จับฉลากได้ตระกูลมัตรี และจับฉลากได้ซาอูลบุตรคีช แต่เมื่อเขาหาซาอูลก็หาไม่พบ 22 เขา จึงทูลถามพระเจ้าต่อไปว่า "ชายคนนั้นมาที่นี่หรือยัง" และพระเจ้าตรัส ว่า "ดูเถิด เขาซ่อนตัวอยู่ที่กองสัมภาระ" 23 เขาทั้งหลายจึงวิ่งไปพา เขามาจากที่นั่น และเมื่อเขายืนอยู่ท่ามกลางประชาชน เขาก็สูงกว่าประ ชาชนทุกคนจากบ่าขึ้นไป 24 ซามูเอลจึงกล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า "ท่านเห็น ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกไว้แล้วหรือ ในท่ามกลางประชาชนไม่มี ใครเหมือนท่าน" และประชาชนจึงร้องเสียงดังว่า "ขอพระราชาทรงพระ เจริญ" 25 แล้วซามูเอล จึงบอกกับประชาชนให้ทราบถึงสิทธิ และหน้าที่ ของตำแหน่งพระราชา และท่านบันทึกไว้ในหนังสือและวางถวายแด่พระเจ้า แล้วซามูเอลก็ให้ ประชาชนกลับไปยังบ้านของตนทุกคน 26 ซาอูลก็กลับ ไปยังบ้านของท่านที่กิเบอาห์ด้วย และมีนักรบซึ่งพระเจ้าทรงดลจิตใจไป กับท่านด้วย 27 แต่มีคนอันธพาลบางคนกล่าวว่า "ชายคนนี้จะช่วยเราได้ อย่างไร" และเขาทั้งหลายก็ดูหมิ่นท่าน ไม่นำเครื่องบรรณาการมาถวาย แต่ท่านก็นิ่งเสีย

1ซามูเอล 11

1 ฝ่ายนาหาชคนอัมโมนได้ยกขึ้นไปตั้ง ค่ายสู้เมืองยาเบชกิเลอาด บรรดาชาวเมืองยาเบชจึงพูดกับนาหาชว่า "ขอทำพันธสัญญากับพวก ข้าพเจ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าทั้งหลายจะยอมปรนนิบัติท่าน"2 แต่ นาหาชคนอัมโมนกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "เราจะกระทำพันธสัญญา กับเจ้าทั้งหลายตามเงื่อนไขต่อไปนี้ คือเราจะทะลวงตาขวาของเจ้าเสีย ทุกคน ให้เป็นที่อัปยศแก่คนอิสราเอลทั้งปวง" 3 ฝ่ายพวกผู้ใหญ่แห่ง เมืองยาเบชกล่าวแก่ท่านว่า "ขอผ่อนผันให้ข้าพเจ้าสักเจ็ดวัน เพื่อข้าพ เจ้าจะได้ส่งผู้สื่อสารไปให้ทั่วขอบเขตอิสราเอล แล้วถ้าไม่มีคนใดช่วย ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะยอมมอบตัวไว้ให้แก่ท่าน" 4 เมื่อผู้สื่อสารมาถึงกิเบอาห์เมืองของซาอูล เขาทั้งหลายก็รายงาน เรื่องราวให้เข้าหูของประชาชนและประชาชนทั้งปวงก็ร้องไห้เสียงดัง 5 ดูเถิด ซาอูลต้อนฝูงโคกลับมาจากทุ่ง และซาอูลถามว่า "ประชาชน เป็นอะไรไป เขาจึงร้องไห้" ดังนั้นเขาจึงเรียนท่านให้ทราบถึงข่าวของ พวกยาเบช 6 เมื่อท่านได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ พระวิญญาณของพระเจ้า ก็สถิตกับซาอูลอย่างมากและ ความโกรธของท่านเกิดขึ้นอย่างรุนแรง 7 ท่านจึงเอาโคมาคู่หนึ่งฟันออกเป็นท่อนๆ ส่งไปทั่วเขตแดนทั้งสิ้น ของอิสราเอลโดยมือของผู้สื่อสารกล่าวว่า "ผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่ออกมา ตามซาอูลและซามูเอล จะกระทำอย่างนี้แก่โคของเขา" และความ เกรงกลัวพระเจ้าก็มาเหนือประชาชน เขาทั้งหลายพากันออกมาเป็น ใจเดียวกัน 8 เมื่อซาอูลตรวจพลอยู่ที่เบเซก นับคนอิสราเอลได้สาม แสนคน และชายเผ่ายูดาห์ได้สามหมื่นคน 9 เขาจึงบอกแก่ผู้สื่อสาร ที่มานั้นว่า "ท่านทั้งหลายจงบอกแก่ชาวยาเบชกิเลอาดว่า 'พรุ่งนี้เวลา แดดร้อนท่านทั้งหลายจะได้รับการช่วยกู้'" เมื่อผู้สื่อสารกลับมาบอก พวกยาเบช เขาทั้งหลายก็มีความยินดี 10 ดังนั้นชาวยาเบชจึงว่า "พรุ่งนี้เราจะมอบตัวของเราไว้ให้แก่ท่าน ท่านจงกระทำแก่เราตามที่ ท่านเห็นควร" 11 พอวันรุ่งขึ้นซาอูลก็จัดพลออกเป็นสามกองทัพ ยกเข้า มากลางค่ายในยามสามและฆ่าฟันคนอัมโมนเสียจนเวลาแดด จัด ผู้ที่รอดชีวิตไปได้ก็กระจัดกระจายไปรวมกันไม่ได้สักคู่เดียวเลย 12 แล้วประชาชนจึงเรียนซามูเอลว่า "คนที่พูดว่า 'ซาอูลจะปกครอง เหนือพวกเราหรือ' นั้น มีใครบ้างจงนำคนเหล่านั้นออกมาเราจะได้ฆ่า เขาเสีย" 13 แต่ซาอูลกล่าวว่า "ในวันนี้อย่าให้ผู้ใดถูกประหารชีวิตเลย เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่พระเจ้าทรงช่วยกู้คนอิสราเอล"

ในที่สุด ซาอูลและคนใช้ก็มาถึง "ภูเขาของพระเจ้า" ที่มีกองกำลังฟิลิสเตียประจำการอยู่34 http://www.bible.org/docs/ot/books/1sa/deffin/และเป็นสถานที่ที่หมายสำคัญครั้งที่สามเกิดขึ้น หมายสำคัญครั้งนี้แตกต่างจากสองครั้งแรกอย่าง น้อยสองประการ แรก หมายสำคัญครั้งที่สามนี้มีผู้คนเห็นกันทั่ว และเริ่มเห็นเป็นนัยๆ คำพยากรณ์ ที่ซามูเอลพูดไว้ถึงชายสองคนที่ซาอูลจะพบ และต่อมาจะพบกับชายอีกสามคนระหว่างทางไปเบธ

เอล ไม่มีการบันทึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ประโยคที่เขียนไว้ว่า "และหมายสำคัญ เหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันนั้น" (10:9) แต่พอถึงคำพยากรณ์ที่สาม – ครั้งที่พูดถึงพระวิญญาณ พระเจ้าสถิตกับท่าน – มีการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อชาติ หมายสำคัญสองครั้งแรก เป็นไปเพื่อซามูเอลเท่านั้น เพราะเป็นคำพยากรณ์ส่วนตัว ใครก็ตามถ้าเฝ้าดูอยู่ อาจแยกแยะไม่ออกว่า นั่นคือหมายสำคัญ เพราะไม่รู้ว่ารายละเอียดถูกแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่หมายสำคัญที่สามนั้นดึงดูด ความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก มากจนกลายเป็นสุภาษิตขึ้นมา

สอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับซาอูลบน "ภูเขาของพระเจ้า" นั้นเป็นเรื่องไม่ปกติ ; เป็นเรื่องเหนือธรรม ชาติ พระวิญญาณของพระเจ้ามาสถิตกับซาอูล และท่านเริ่มเผยพระวจนะพร้อมๆกับบรรดาผู้ เผยพระวจนะคนอื่นๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่เห็นเหตุการณ์นี้จะไม่ประหลาดใจ – ซาอูลอยู่ ท่ามกลางผู้เผยพระวจนะ เหตุใดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ? ที่สำคัญเพราะเป็นการแสดงให้ประชาชน เห็นชัดเจนว่า พระเจ้าประทานให้ซาอูลมีอำนาจทำการวินิจฉัยคนอิสราเอลได้ ในอพยพ 18 เยโธร พ่อตาของโมเสส แนะนำให้มอบหมายภาระในการวินิจฉัยให้กับผู้แทน ในกันดารวิถี 11 มีการเลือก บรรดาผู้ใหญ่ถึง 70 คน ทั้ง 70 คนนี้ทำการเผยพระวจนะท่ามกลางประชาชนด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณพระเจ้าสถิตอยู่เหนือพวกเขา เพื่อสามารถทำหน้าที่ผู้วินิจฉัยได้ สิ่งเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับซาอูล พระวิญญาณกำลังสถิตกับท่าน ทำให้ท่านสามารถวินิจฉัย ประเทศนี้ได้ในฐานะกษัตริย์ เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ และเกิดขึ้นในท่ามกลาง ประชาชน และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้กลายเป็นคำสุภาษิต เพื่อว่าผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นั่นจะมีโอกาส ได้ยินเรื่องราวนี้ด้วย ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการสำแดงต่อหน้าประชาชนว่าซาอูลจะมาเป็น กษัตริย์ของอิสราเอล

หมายสำคัญต่อไปจะเกิดขึ้นท่ามกลางชุมชนใหญ่ ซามูเอลเรียกประชาชนมาชุมนุมกันที่มิสปาห์ (ที่เดียวกับที่พวกเขากลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้าเมื่อครั้งซามูเอลเริ่มทำหน้าที่ – ดูบทที่ 7) ที่นั่นฝูงชนกระหายอยากรู้เรื่อง พวกเขาตื่นเต้นและกระหายว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างที่สุด แต่ ซามูเอลเตือนชาวอิสราเอลอีกครั้งว่า การเรียกร้องขอกษัตริย์นั้น เป็นการแสดงถึงการไม่เชื่อฟัง และขาดความเชื่อ ซามูเอลชี้ให้เห็นตั้งแต่ครั้งแรก (ในบทที่ 8) แม้กระทั่งในวันนี้ว่าสิ่งนี้คือการ ปฏิเสธไม่ยอมรับพระเจ้า พระเจ้าผู้ที่พวกเขาจะให้กษัตริย์ที่เป็นมนุษย์มาแทนที่ พระเจ้าที่ช่วย กู้ในยามทุกข์ร้อน ไม่ใช่กษัตริย์องค์ใหม่นี้ที่จะมาช่วยกู้ แต่เป็นพระเจ้าเท่านั้นที่กู้พวกเขาตลอด มาในอดีต และจะช่วยกู้ตลอดไปด้วย ถึงแม้สิ่งที่อิสราเอลทำจะเป็นความบาป พระเจ้ายังทรง พระกรูณาประทานกษัตริย์ให้ตามที่พวกเขาขอ

กษัตริย์ตามที่บัญญัติไว้ในเฉลยธรรมบัญญัติ 17:15 ต้องเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือก และการเลือกนี้จะ กระทำโดยการจับฉลาก เลือกจนเหลือเผ่าเบนยามิน และในที่สุดมาลงที่ซาอูล ซึ่งเป็นคนเดียว กับที่พระเจ้าได้บอกซามูเอลไว้ล่วงหน้า และซามูเอลได้ทำการเจิมตั้งให้เป็นกษัตริย์แล้ว แต่ขั้น ตอนนี้ทำไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งประเทศ เพื่อพวกเขาจะมั่นใจได้ว่าซามูเอลคือคน ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้จริง

เมื่อการจับฉลากบ่งชี้มาลงที่ซาอูล ท่านหายตัวไป ไม่มีใครทราบว่าท่านอยู่ที่ใหนหรือทำอะไร อยู่ มีการอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วย พระองค์จึงแสดงให้เห็นว่าซาอูลหลบอยู่ที่กองสัมภาระ ประชาชนวิ่งไปดูที่กองสัมภาระ พบตัวท่านจึงพามาพบกับซามูเอล เมื่อประชาชนได้เห็น ซาอูลชัดๆ พวกเขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ชายคนที่เรารู้ว่ามีรูปลักษณ์่หล่อเหลา (9:2) และมีการพูดถึงความสูงของท่านอีกครั้ง ว่าสูงกว่าชาวอิสราเอลโดยทั่วไป ซาอูลน่าจะเป็นดัง "โกลิอัท" ของอิสราเอล ชายที่มีรูปร่างใหญ่โต และรูปหล่อมาก ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอก ซาอูลอยู่ในระดับแนวหน้าสุดทีเดียว

ซามูเอลชี้ให้ประชาชนเห็นถึงการทรงเลือกของพระเจ้า พระเจ้าเลือกและประทานสิ่งทีดีที่สุด ซาอูลเป็นดังมนุษย์ตัวอย่าง คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านี้ ดังนั้นประชาชนจึงร้องเสียงดังว่า "ขอพระราชาทรงพระเจริญ!" (ข้อ 24) หลังจากนั้น ซามูเอลจึงแจ้งสิทธิและหน้าที่ของ กษัตริย์ให้ประชาชนทราบ ท่านบันทึกไว้ในหนังสือและวางถวายแด่พระเจ้า และบอกให้ประชา ชนกลับไปยังบ้านเรือนของตน

ซาอูลก็กลับบ้านเช่นกัน โดยมีนักรบที่พระเจ้าดลใจตามกลับไปด้วย บุคคลเหล่านี้เป็นดัง "ผู้คุ้ม กันส่วนตัว" ของซาอูล พวกเขาจะติดตามท่านไปทุกหนแห่ง ป้องกันท่านจากพวกประสงค์ร้าย บุคคลเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าซาอูลนั้นเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกสรรให้เป็นกษัตริย์องค์แรก อย่างแท้จริงของอิสราเอล

แต่ไม่ใช่ทุกคนเห็นพ้องตามนั้น ตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ มีกลุ่มคน – คนอันธพาล – ผู้ที่ไม่ เชื่อว่าซาอูลจะมาช่วยได้ ชายเหล่านี้รู้จัก "ซาอูลตัวตนเดิม" หรือไม่ ? หรือว่าพวกเขาดูหมิ่น คนที่ไปแอบหลบอยู่ข้างกองสัมภาระ ? หรือว่าท่านไม่ใช่ผู้นำแบบที่พวกเขาชอบ ? เราไม่อาจ ทราบได้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงดูหมิ่นซาอูล แต่ความบาปร้ายแรงที่เขาทำคือ สงสัยและไม่เชื่อถือ ในการทรงเลือกกษัตริย์ของพระเจ้า ในขณะที่คนอื่นๆนำเครื่องบรรณาการมาถวายให้ซาอูล อันธพาลพวกนี้เฉยเสีย เขาแสดงการดูหมิ่นท่านอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามซาอูลเลือกที่จะไม่ ตอบโต้ ท่านนิ่งเฉย แต่คนพวกนี้จะมามีบทบาทอีกในตอนต่อไป

สิ่งที่ชาวอิสราเอลต้องการจากกษัตริย์คือ มาช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู พวกเขา ต้องการให้มีกษัตริย์นำหน้าออกรบ (8:19-20) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการให้กษัตริย์ ไปจัดการกับนาหาช กษัตริย์ของอัมโมน (12:12) ถ้าซาอูลสามารถนำพวกเขาสู่สงครามและ ประสพความสำเร็จ สิ่งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าท่านเหมาะสมกับตำแหน่งหรือไม่ มีการพูดถึง เรื่องนี้ในบทที่ 11 ทั้งบท

นาหาช กษัตริย์ของชาวอัมโมน ยกทัพมาล้อมเมืองยาเบชกิเลอาดของอิสราเอลไว้ ประชาชน กำลังจะยอมแพ้ มีการต่อรองสอบถามนาหาชถึงเงื่อนใข ชาวเมืองยาเบชกิเลอาดกำลังยอม ตกเป็นเมืองขึ้น ; ดูเหมือนพวกเขาไม่มีทางเลือก แต่เงื่อนใขของนาหาชดูจะโหดเหี้ยมเกินเหตุ เขาไม่เพียงแต่จะให้ชาวอิสราเอลยอมแพ้และยึดเมืองเท่านั้น แต่ต้องการจะทะลวงตาขวาของ ชาวอิสราเอลทุกคนทิ้ง การทำเช่นนี้จะก่อให้เกิดสองสิ่งคือ : (1) จะทำให้ชาวอิสราเอลรู้สึก อัปยศ และ (2) จะทำให้พวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้ไหว (คุนเคยลองเล็งปืน หรือคันธนู โดยใช้แต่เพียงตาข้างซ้ายบ้างไหม ? )

ชาวยาเบชขอเวลาเจ็ดวัน เพื่อขอร้องให้พี่น้องอิสราเอลจากที่อื่นมาช่วย ถ้าไม่มีผู้ใดมาช่วย พวกเขาสัญญาจะยอมตกเป็นเมืองขึ้น มีการส่งผู้สื่อสารไปทั่วอิสราเอล ขอร้องให้มาช่วย แต่ดู เหมือนไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องด้วย แต่เมื่อผู้สื่อสารไปถึงยังเมืองกิเบอาห์ ของซาอูล และเมื่อได้ยิน ทุกคนก็ร้องให้เสียงดัง ซาอูลเดินกลับมาจากทุ่งนา เห็นผู้คนร้องให้ จึงสอบถามเรื่องราว เมื่อได้ยิน ท่านรู้สึกโกรธมาก35 ท่านจึงนำโคคู่หนึ่งมาฆ่า (เป็นโคของท่าน เอง หรือโคของคนแถวนั้น ?) ท่านฟันมันเป็นท่อนๆ และส่งชิ้นส่วนออกไปทั่วแดนอิสราเอล โดยกล่าวเตือนว่า ใครที่ไม่ออกมาร่วมรบ โคของพวกเขาจะถูกกระทำในแบบเดียวกัน ดูเหมือน บางคนมีข้ออ้างที่จะไม่มาช่วยร่วมรบกับพี่น้อง ว่าไม่สามารถทิ้งไร่ทิ้งนาไปได้ แต่การกระทำ ของซาอูลบอกชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่เหลือโคสำหรับไถนาอีกต่อไป ถ้าไม่ออกมาช่วยพี่น้องรบ ท่านขู่จะทำลายสิ่งที่เป็นดัง "รถแทร็คเตอร์" ของพวกเขา

มีทหารอิสราเอลออกมาถึง 330,000 คน จำนวน 30,000 คนมาจากเผ่ายูดาห์ มีการแจ้งกับ ชาวยาเบชว่าความช่วยเหลือกำลังจะมาถึง ชาวยาเบชจึงแจ้งแก่นาหาชว่า วันรุ่งขึ้น พวกเขาจะ "ออกไป" นาหาชคิดว่าพวกเขาจะออกไปมอบตัวยอมแพ้ แต่ชาวยาเบชหมายความว่าจะ "ออกไป" สู้รบ ดังนั้นเมื่อทหารอิสราเอลออกไปโจมตีชาวอัมโมนในวันรุ่งขึ้น พวกนั้นไม่ได้ เตรียมพร้อมที่จะรบ ผลก็คือพ่ายแพ้แตกกระเจิงอย่างไม่เป็นท่า อย่างที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า "รวมกันไม่ได้สักคู่เดียวเลย" (ข้อ 11).

ซาอูลกลายเป็นวีรบุรุษในพริบตา การที่ซาอูลเอยู่ "ท่ามกลางผู้เผยพระวจนะ" นั้นเป็นคนละ เรื่องกับการที่ท่านถูกจับฉลากเลือกให้เป็นกษัตริย์ แต่เมื่อท่านสามารถรวบรวมคนทั้งประเทศ ให้มารบจนชนะชาวอัมโมนได้ นับเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่าท่านคือผู้ที่ประชาชนต้องการ และ ประชาชนจึงกล่าวว่า "คนที่พูดดูหมิ่นกษัตริย์ ตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ ?" ให้นำคนเหล่านั้นมาจัดการ เสียให้หมด !

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของซาอูลไม่ใช่จากการที่ท่านสามารถรวบรวมคนทั้งชาติให้มาร่วมรบได้ และไม่ใช่จากการที่สามารถเอาชนะคนอัมโมนได้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือท่านมีวิธีจัดการกับ ประชาชนของท่าน กับคนที่เคยพูดจาดูหมิ่นท่าน ซาอูลสามารถแก้แค้นได้ และถ้าท่าน ทำประชาชนรวมทั้งท่านเองคงรู้สึกพอใจ แต่ซาอูลไม่ต้องการทำให้บรรยากาศในวันแห่ง ชัยชนะนั้นเสียไป และเหนืออื่นใด ซาอูลไม่คิดว่าท่านสมควรได้รับเกียรติจากชัยชนะ เหนือคนอัมโมนในครั้งนี้ แต่เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าต่างหากที่ "ทรงช่วยกู้คนอิสราเอล" (ข้อ 13) ดังนั้นซาอูลจึงไม่ทำการร้ายต่อผู้ที่เคยดูหมิ่นท่าน อันที่จริงคนอิสราเอลก็ได้มี กษัตริย์แล้ว และเป็นผู้ที่มีจิตใจดีด้วย

บทสรุป

ข้อสังเกตุประการสุดท้ายนั้นค่อนจะข้างคาดไม่ถึง เราอาจพูดว่าซาอูลเป็นกษัตริย์ที่ดี แต่แย่ หน่อยตรงที่ผมมักมองไปถึงยังตอนจบ ผมไม่สามารถนึกถึงซาอูลโดยไม่นึกถึงดาวิดได้ และ เมื่อผมนำไปเปรียบเทียบกับดาวิด ซาอูลนั้นด้อยกว่า และด้วยเหตุผลบางประการ ผมยอมรับว่า มักจะมองไปยังเหตุการณ์ในบั้นปลายชีวิตที่น่าสมเพชของซาอูล ถึงแม้ท่านเริ่มต้นดีอย่างไร ก็ตาม

แต่ถ้าจะดูตามเนื้อหาในตอนนี้ เราต้องดูซาอูลตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น (1) ซาอูลคือของประ ทานล้ำค่าที่พระเจ้ามอบให้กับประชากรของพระองค์ ถึงแม้พวกเขาจะทำบาปในการเรียกร้อง ขอกษัตริย์ แต่พระเจ้าประทานซาอูลให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลด้วยความรักและพระทัย เมตตาสงสาร เพราะพระองค์รับรู้ถึงความเดืิอดร้อนที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ จึงส่งซาอูลมาช่วยกู้ ประชากรของพระองค์ เช่นเดียวกับที่พระองค์เคยทำในสมัยอพยพ (9:16; 10:18) (2) พระเจ้า ไม่ได้ประทานซาอูลมาให้กับอิสราเอลเพื่อท่านจะประสพกับความล้มเหลว พระองค์ไม่ได้เลือก มนุษย์ในแบบธรรมดาๆให้กับประเทศ พระองค์ทรงเลือกผู้ที่มีรูปลักษณ์ยอดเยี่ยม มีท่าทีสง่างาม สมกับทำหน้าที่นี้ (3) พระเจ้าทรงบันดาลให้ท่านมีพลังอำนาจ โดยประทานพระวิญญาณให้สถิต กับท่าน เพื่อท่านจะทำหน้าที่ผู้วินิจฉัย และนำประเทศด้วยสติปัญญาและบารมี ไม่ว่าซาอูลจะมี จุดอ่อนใดในความเป็นมนุษย์ พระิองค์ทรงแก้ใขให้ เพื่อที่ท่านจะ "เปลี่ยนเป็นคนละคน" (ดู 10:6, 9) (4) และที่สุด พระเจ้าได้ทำให้ซาอูลเป็นที่ยอมรับอย่างทั่วถึง ถึงแม้จะมีอันธพาลบาง คนเคยดูหมิ่นไว้

พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้ล้มล้างการปกครองของซาอูล ถึงแม้พระองค์ทราบดีว่าในที่สุดท่านจะล้มลง ความล้มเหลวของซาอูลไม่ได้เกิดจากการกระทำของพระเจ้า แต่เป็นเพราะซาอูลเองไม่สามารถ ที่จะดำเนินในทางพระเจ้าได้ ท่านล้มเหลวในการวางใจและเชื่อฟังพระองค์ ซาอูลไม่สามารถ นำของประทานต่างๆที่พระเจ้ามอบให้มาใช้ในการปกครองด้วยความยุติธรรมและชอบธรรมได้ ซาอูลไม่ใช่กษัตริย์ธรรมดา ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าประทานให้ ; ท่านเป็นกษัตริย์ชั้นหนึ่ง มีทุกอย่าง พร้อมสำหรับทำหน้าที่ ท่านจึงต้องรับผิดชอบอย่างเต็มตัวในความล้มเหลวของท่าน ถึงแม้ท่าน ไม่ใช่ดาวิด แต่ที่แน่ๆท่านไม่ใช่ระดับกระจอก สำหรับผม นี่ดูจะเป็นความคิดใหม่ แต่เป็นความ คิดที่ได้จากบทเรียนบทนี้

พระเจ้าทรงมีพระคุณมากเพียงใดต่อเรา ถึงแม้เราจะเป็นคนบาป พระองค์ได้ประทานกษัตริย์ให้ กับชาวอิสราเอล และเป็น "กษัตริย์ที่ไม่เหมือนกับประชาชาติอื่น" กษัตริย์องค์นี้เป็นมนุษย์ ที่ดีเท่าที่มนุษย์จะสามารถเป็นได้ มนุษย์ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ และมีพลังอำนาจโดย พระวิญญาณของพระเจ้า เมื่อซาอูลดำเนินกับพระวิญญาณ ท่านจะเป็นผู้ช่วยกู้ประชากรของ พระเจ้า เมื่อท่านดำเนินกับพระวิญญาณ ท่านทราบดีว่าชัยชนะทั้งสิ้นเป็นชัยชนะของพระเจ้า ไม่ใช่เป็นของตัวท่านเอง ท่านเป็นผู้ที่ถ่อมใจและยอมรับในพระคุณ แต่สิ่งนี้จะเปลี่ยนไป และ เป็นไปอย่างรวดเร็วด้วย ถึงแม้เรารู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ให้เรายอมรับว่าท่านเป็นกษัตริย์ ที่ยิ่งใหญ่ ถึงแม้จะในเวลาอันสั้นมากก็ตาม

ชัยชนะของอิสราเอลภายใต้การนำของซาอูลนั้น (บทที่ 11) ไม่ใช่เป็นเพราะมีกษัตริย์ที่เก่งกาจ หรือเพราะความสามารถของอิสราเอลเอง แต่เป็นมาจากพระทัยเมตตาสงสารของพระเจ้าทั้งสิ้น พระองค์ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วยจากประชากรของพระองค์และพระองค์ทรงช่วยพวกเขาไว้อีก ครั้งหนึ่ง ชาวอิสราเอลยอมรับกษัตริย์องค์ใหม่นี้ด้วยความเต็มใจ ท่านเป็นกษัตริย์ในแบบที่พวก เขาแสวงหา เมื่อพระเยซูเสด็จมาในฐานะ "กษัตริย์ของอิสราเอล" พระองค์ไม่ใช่ซาอูล พระ องค์ไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นที่ชอบพอ เป็นที่ดึงดูดของผู้คน และพระองค์ไม่ได้รับการยอมรับสักนิด ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า :

11 ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เราทั้งหลายได้ยิน พระกรของ พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ผู้ใด 2 เพราะท่านได้เจริญขึ้น ต่อพระพักตร์พระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือนราก แตกหน่อมาจากพื้นดินแห้ง ท่านไม่มีรูปร่างหรือความสวย งามซึ่งเราทั้งหลายจะมองท่าน และไม่มีความงามที่เรา จะพึงปรารถนาท่าน 3 ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความเจ็บไข้ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และ เราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน (อิสยาห์ 53:1-3).

บรรดาผู้ที่ติดตามพระเยซู แม้กระทั่งสาวกที่พระองค์สนิทที่สุด ยังต้องการให้พระองค์เป็นกษัตริย์ เช่นเดียวกับซาอูล พระองค์ปฏิเสธ พระองค์ไม่ได้มาเพื่อโค่นล้มอำนาจของโรมัน แต่มามอบชีวิต ของพระองค์เองเป็นค่าไถ่ให้กับคนมากมาย พระองค์เสด็จลงมาในโลกที่เต็มไปด้วยความบาป และเป็นผู้ยอมรับโทษทัณฑ์แทนความชั่วร้ายของมนุษย์ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับการอภัย และได้ เป็นบุตรของพระเจ้า นี่เป็นกษัตริย์ในแบบที่มนุษย์มากมายในทุกวันนี้ไม่ยอมรับ พวกเขาต้อง การกษัตริย์ในแบบเดียวกับซาอูล ซาอูลเป็นกษัตริย์องค์แรกของพระเจ้า และในตอนเริ่มท่านนับ ว่าเป็นกษัตริย์ที่ดีองค์หนึ่ง แต่ยังมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือองค์พระเยซูคริสต์ กษัตริย์ของ ชาวยิว ผู้เสด็จมาในโลกนี้ในฐานะมนุษย์ (โดยไม่ได้สละความเป็นพระเจ้า) ดำเนินชีวิตโดยปราศ จากบาป แต่ถูกตรึงกางเขนแทนความบาปของมนุษย์ ท่านฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่สาม และนี่ เป็น "กษัตริย์" องค์เดียวกับที่จะเสด็จกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ ทุกคนจะจำพระองค์ได้ ทุกเข่า จะคุกเข่าลงน้อมรับพระองค์ พระองค์จะกำจัดบรรดาศัตรูทั้งสิ้น และจะปกครองโลกด้วยความ ชอบธรรมอันสมบูรณ์ กษัตริย์พระองค์นี้ต่างหากที่เรารอคอย

และท้ายที่สุด พระวจนะคำตอนนี้นั้นเป็นตอนที่น่าประทับใจ เพราะเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้น้ำพระ ทัยพระเจ้า พระเจ้าทรงเปิดเผยกับผู้เผยพระวจนะซามูเอล ว่าพระองค์จะประทานกษัตริย์ให้กับ อิสราเอล (1 ซามูเอล 8) พระองค์ได้จัดเตรียม (สถานะการณ์) อย่างเหมาะสมในการนำซาอูล และคนรับใช้มายังสถานที่ที่ซามูเอลอยู่ และงานฉลองที่ซาอูลผู้ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก (โดยชื่อ) แต่ เป็นแขกเกียรติยศที่ทุกคนรอคอย พระเจ้าเปิดเผยกับซามูเอลโดยตรงว่ากษัตริย์ผู้นี้จะมาในวัน รุ่งขึ้น เมื่อซามูเอลเห็นซาอูลครั้งแรก พระเจ้าบอกกับซามูเอลว่าผู้นี้แหละที่ท่านรอคอยอยู่ และ จะมาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล โดยหมายสำคัญเหนือธรรมชาติ และโดยการจับฉลาก และโดย ชัยชนะต่อศัตรู พระองค์ได้แสดงว่าซาอูลคือกษัตริย์ที่แท้จริงของอิสราเอล

เราไม่เห็นว่าซาอูลแสวงหาอาณาจักรหรือแสวงหาพระเจ้าในคำอธิษฐาน แต่ซาอูลยอมไป ปรึกษาซามูเอลให้ตามหาลาหาย ก็ต่อเมื่อคนรับใช้เสนอความคิด พร้อมทั้งเสนอเงินเป็นค่า ของกำนัลด้วย ซาอูลได้รับแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ในขณะที่ท่านดำเนินชีวิตประจำวันไปตามปกติ ใครจะไปคิดว่าคนที่เริ่มต้นด้วยการออกไปตามหาลาที่หายไป จะจบลงด้วยการได้รับเจิมตั้งให้ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ?

ซามูเอลก็เช่นกัน ท่านได้รับการทรงเรียกในขณะที่ดำเนินชีวิตงานรับใช้ประจำวันไปตามปกติ ท่านยังคงรับใช้ต่อไปเหมือนอย่างที่ท่านเคยทำ และเมื่อพระเจ้าตรัสแก่ท่านว่าผู้ที่จะเป็น กษัตริย์จะมาถึงในวันรุ่งขึ้น ซามูเอลเรียนรู้ที่จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าในการจัดเตรียมกษัตริย์ อย่างสัตย์ซื่อ ท่านยังคงทำหน้าที่ทั้งผู้เผยพระวจนะและผู้วินิจฉัยให้กับอิสราเอล พระเจ้าทรงมี หนทางที่จะทำให้เราเห็นน้ำพระทัยอย่างชัดเจนเมื่อเวลามาถึง พระองค์ไม่ได้ปิดบังน้ำพระทัย ของพระองค์จากเรา และเมื่อถึงเวลาที่พระองค์เปิดเผย เราจะไม่มีทางพลาดได้ น้ำพระทัยพระ เจ้าไม่ใช่เป็นเรื่องความลับ หรือต้องใช้วิธีการพิเศษในการแสวงหา

พรุ่งนี้เมื่อเราตื่นขึ้น ให้คิดว่าเรื่องนี้มีความหมายอย่างไรต่อเรา ภาระกิจอันน่าเบื่อหน่ายใดที่ เราต้องกระทำในแต่ละวัน ? ไม่ว่าจะเป็นการไปตามหาลา ? ซึ่งไม่น่าจะใช่ แต่จะเป็นภาระกิจ ทางโลกที่น่าเบื่อหน่าย และเอาเวลาค่อนข้างมากในชีวิตของคุณไปโดยไม่มีความสำคัญใดๆ ที่เราเห็นได้ แต่พระเจ้าทรงมีวิธีของพระองค์ ในการทำภาระอันน่าเบื่อหน่ายนี้ให้เกิดผลดีใน ตอนปลายทั้งสิ้น

อิสราเอลกระหายที่จะได้กษัตริย์องค์ใหม่ ไม่ว่าซามูเอลจะทำสิ่งใด พูดกับใคร เป็นที่จับตามอง อย่างสนใจทั้งสิ้น ถ้าชาวอิสราเอลในยุคโบราณรอคอยกษัตริย์องค์แรกด้วยใจจดจ่อขนาดนี้ แล้วเราผู้กำลังรอคอยการเสด็จกลับมาของจอมกษัตริย์ คือองค์พระเยซูคริสต์ด้วยความกระหาย มากเพียงใด ? เราเริ่มต้นในแต่ละวันด้วยความคิดว่าวันนี้จะใช่วันที่รอคอยหรือเปล่า ? เราทำงาน ประจำวันของเราอย่างสัตย์ซื่อเพื่อเป็นที่ชอบพอพระทัยกษัตริย์ของเราหรือไม่ ? ขอให้เราเริ่ม ต้นในแต่ละวันด้วยความกระหาย จดจ่อรอคอยว่าวันนี้จะเป็นวันที่พระองค์เสด็จมา


31 เราคงสงสัยว่าทำไมในพระคัมภีร์ต้องมีวงเล็บคำอธิบายในข้อ 9 ด้วย คงเป็นเพราะต้องการ อธิบายคำว่า "ผู้ทำนาย" ให้ชัดเจน เพราะมีการนำมาใช้อีกในข้อ 11 และยังเป็นตัวที่บอกอีก ว่าพระธรมเล่มนี้เขียนหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วเป็นเวลานานพอควร เช่นเดียวกับพระธรรม เล่มอื่นอีกหลายเล่มในพระคัมภีร์

32 มีการให้ความสำคัญกับเรื่องเวลาในตอนนี้ จากมุมมองของหญิงคนนี้ ซาอูลน่าจะนับว่า "โชคดี" เพราะยังพอมีเวลาเหลือทันพอดีที่จะพบกับซามูเอล เพราะท่านพึ่งเข้าเมืองมา และ กำลังจะขึ้นไปที่ปูชนียะสถานสูงเพื่อถวายสัตวบูชาและรับประทานอาหารหลังจากนั้น แต่ถ้า ซาอูลและคนใช้รีบหน่อย คงจะพอมีเวลาปรึกษากับผู้ทำนายได้ ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์ เล็กน้อยเช่นนี้ จะเป็นการทรงนำอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า สำหรับทั้งสองคิดแต่เพียงว่า "โชคดี" และ "รีบๆหน่อย" เท่านั้น แต่สำหรับพระเจ้า คือสิ่งที่เป็นไปตามการกำหนดของพระองค์

33 เราคงสงสัยเหมือนกันว่าแขกทั้ง 30 คนนี้ ทำไมไม่นึกว่าซามูเอลอาจจะเลือกคนใดคนหนึ่ง ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ เพราะบรรยากาศในช่วงนั้นตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความคาดหมาย และสิ่งใด ก็ตามที่ซามูเอลทำจะถูกจับตามองเป็นหมายสำคัญ (ดู 1 Samuel 10:14-16ด้วย)

34 สิ่งนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าอิสราเอลนั้นยังคงตกเป็นเมืองขึ้นของฟิลิสเตียอยู่ ซึ่งตรงกับที่พระเจ้า ตรัสไว้ใน 9:16.

35 ให้สังเกตุว่า ส่วนมากการโกรธมักไม่ใช่มาจากพระเจ้า แต่การโกรธของซาอูลครั้งนี้เป็นมา จากพระเจ้า ที่จริงเป็นผลมาจากการที่พระวิญญาณสถิตอยู่กับท่าน มีบางครั้งที่คริสเตียนสม ควรโกรธ และบางครั้งก็ไม่สมควร มีบางครั้ง (ถึงแม้น้อยมาก) ที่เป็นความบาปถ้าไม่โกรธ และ แน่นอน มีหลายครั้งที่ความโกรธของเราเป็นความบาปมากด้วย

Related Topics: Introductions, Arguments, Outlines

Report Inappropriate Ad