MENU

Where the world comes to study the Bible

บทที่ 12: ดาวิดรับการเจิมเป็นกษัตริย์ (1 ซามูเอล 16:1-23)

คำนำ

ผมยังจำได้ถึงวันแรกที่เข้าทำงานในบริษัทขายส่งเนื้อได้ ที่จริงเป็นงานที่พี่เขยทำอยู่ ผมตกปากรับคำจะไปทำแทนให้ตอนที่เขาไปฝึกเป็นครูอยู่หนึ่งเทอม วันแรกที่ไปทำ น ผมตามเขาไปส่งเนื้อยังที่ต่างๆ บางแห่งเป็นภัตตาคารขายเสต็คชั้นหนึ่ง บางแห่งก็เป็น เหมือนเพิงข้างถนนที่ขายอาหารแปลกๆเช่น "หางหมูต้มถั่ว" ชามละไม่กี่บาท ผมยังจำ กลิ่นแปลกๆที่ติดจมูกมาจากร้านพวกนี้ได้

ตอนนั้นผมคิดว่าต้องแต่งตัวดีๆเพราะเป็นวันแรกที่เข้าทำงาน ผมใส่สูทไปครับ ผมจะไม่ มีวันทำผิดแบบนี้อีก เมื่อเราไปถึงร้านหนึ่งในแถบร้านอาหารเพิงพวกนี้ เราไม่ได้เข้าไป ด้านหน้าหรอกครับ ; เราต้องไปที่ครัวด้านหลัง ร้านแรกที่เข้าไป ผู้คนที่นั่นทักทายด้วย ความตกใจสุดขีด ทุกคนเผ่นหนีไปเหมือนพวกแมลงสาบทันทีที่เห็นแสงไฟ

ผมไม่เข้าใจ แต่พี่เขยผมพอรู้ เขาบอกว่า "เป็นเพราะสูทที่เธอใส่มา คนเลยคิดว่าเธอ มาจากกระทรวงสาธารณสุข" ผมดูดีเกินไป ผมดูเหมือนเจ้าหน้าที่ของกระทรวง มิน่า ผู้คนถึงตกใจแตกตื่นกันไปหมด นับเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมใส่สูทไปทำงาน และนับแต่วัน นั้นทุกคนก็กลับเป็นปกติสุขเหมือนเดิม รวมทั้งผมด้วย

พวกผู้ใหญ่ที่หมู่บ้านเบธเลเฮมมีปฏิกิริยาเหมือนกันในทันทีที่ซามูเอลมาถึง (ข้อ 4) "ท่านมาอย่างสันติหรือ?" พวกเขาถาม คุณว่าพวกเขากลัวอะไร ? ทำไมถึงกับหน้า ซีด ปากคอสั่น เหงื่อตก ? พวกเขากลัวซามูเอลทำไม ? ทำไมท่านผู้เผยพระวจนะถึง กับต้องออกนอกเส้นทางมาหาชนเผ่านี้ และในสถานที่ที่แสนจะต่ำต้อยเช่นนี้ ? ต้องมี สาเหตุบางประการ และการมาของท่านผู้เผยพระวจนะนี้เปรียบเหมือนการเสด็จมาของ องค์พระผู้เป็นเจ้า บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขายำเกรงพระเจ้าด้วยใจจริง หรือไม่ใช่ หรืออาจจะกลัวซาอูล เพราะซามูเอลประกาศให้ทราบทั่วว่าพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัย ต่อการกระทำของซาอูล :

13 และซามูเอลกล่าวแก่ซาอูลว่า "ท่านได้กระทำการ ที่โง่เขลาเสียแล้ว ท่านมิได้รักษาพระบัญชาแห่งพระเย โฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระเจ้าจะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่าน เหนืออิสราเอลเป็นนิตย์แล้ว 14 แต่บัดนี้ราชอาณาจักร ของท่านจะไม่ยั่งยืน พระเจ้าทรงหาชายอีกคนหนึ่งตาม ชอบพระทัยพระองค์แล้ว และพระเจ้าทรงแต่งตั้งชายผู้ นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือชนชาติของพระองค์ เพราะท่าน มิได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้"
(1 ซามูเอล 13:13-14).

22 และซามูเอลกล่าวว่า "พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่อง เผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามาก เท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระ สุรเสียงของพระองค์หรือ ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่อง สัตวบูชา และซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้ 23 เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาป แห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระเจ้า พระองค์ จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์" 24 และซาอูล เรียนซามูเอลว่า "ข้าพเจ้าได้กระทำบาปแล้ว เพราะข้าพเจ้า ได้ฝ่าฝืนพระธรรมบัญญัติของพระเจ้าและคำของท่าน เพราะ ข้าพเจ้าเกรงกลัวประชาชน และยอมฟังเสียงของเขาทั้งหลาย 25 เพราะฉะนั้นขอท่านโปรดอภัยบาปของข้าพเจ้าและขอกลับ ไปกับข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้นมัสการพระเจ้า" 26 และ ซามูเอลเรียนซาอูลว่า "ข้าพเจ้าจะไม่กลับไปกับท่านเพราะ ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระเจ้า และพระเจ้าทรงถอดท่าน จากเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล" 27 พอซามูเอลหันจะไป ซาอูลก็ได้ยึดชายเสื้อของท่านไว้และเสื้อนั้นก็ขาด 28 และ ซามูเอลเรียนท่านว่า "ในวันนี้พระเจ้าได้ทรงฉีกราช อาณาจักร อิสราเอลเสียจากท่านแล้ว และทรงมอบให้แก่ผู้อื่นที่ดีกว่าท่าน

29 และผู้ทรงเป็นกำลังของอิสราเอลจะ ไม่มุสาหรือกลับใจ เพราะว่าพระองค์หาใช่มนุษย์ที่จะกลับใจไม่"
(1 ซามูเอล 15:22-29)

ถ้าพระเจ้าปฏิเสธซาอูลในฐานะกษัตริย์อิสราเอล ก็แปลว่าพระองค์กำลังมองหาคนใหม่ มาแทนที่ และแน่นอนซามูเอลต้องทำหน้าที่นี้ ซามูเอลกลัวซาอูล กลัวว่าซาอูลจะมา ฆ่า (16:2) ถ้าซามูเอลกลัวถูกซาอูลฆ่า เป็นไปได้ไหมว่าประชาชนก็กลัวถูกฆ่าด้วยถ้า ไปเข้าข้างซามูเอล ? เพราะว่าซาอูลยังฆ่าอาหิเมเลคและบรรดาปุโรหิตที่เมืองโนบได้ เพียงเพราะปันอาหารให้ดาวิด (ดู 1 ซามูเอล 22) ชาวเบธเลเฮมมีเหตุผลพอที่จะกลัว ซาอูล -- และใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับซาอูล

พวกผู้ใหญ่ของเบธเลเฮมคงจะถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อรู้ว่าซามูเอลมาแค่ทำการถวาย บูชา และพวกเขาได้รับเชิญให้มาร่วมรับประทานอาหารด้วย แน่นอนไม่มีใครทราบเรื่อง ทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะเรียนต่อไปในบทนี้ มีเรื่องให้เราเรียนรู้มากมายในบทนี้ มี การพูดถึงการเจิมตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ผู้ที่จะมาแทนที่ซาอูล

คำสั่งสำหรับซามูเอล

(16:1-3)

1 พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า "เจ้าจะเป็นทุกข์เรื่องซาอูล นานเท่าใดเล่า เมื่อเราถอดเขาจากเป็นกษัตริย์เหนืออิส ราเอลแล้ว จงเติมน้ำมันให้เต็มเขาสัตว์ของเจ้า แล้วก็ไป เถอะ เราจะใช้เจ้าไปหาเจสซีชาวเบธเลเฮม เพราะว่าใน หมู่พวกบุตรของเขาเราจัดเตรียมกษัตริย์องค์หนึ่งไว้แล้ว สำหรับเรา" 2 ซามูเอลก็กราบทูลว่า "ข้าพระองค์จะไป อย่างไรได้ ถ้าซาอูลได้ยินเขาคงฆ่าข้าพระองค์เสีย" และ พระเจ้าตรัสว่า "จงนำโคตัวเมียไปกับเจ้าตัวหนึ่งและกล่าว ว่า 'ข้าพเจ้ามาถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า' 3 จงเชิญเจสซีมา ที่การถวายสัตวบูชานั้น แล้วเราจะสำแดงให้เจ้ารู้ว่าเจ้าควร จะกระทำประการใด เจ้าจงเจิมให้เราผู้ซึ่งเราจะบอกชื่อแก่ เจ้า"

ซามูเอลนั้นน่ายกย่องที่ท่านยังสัตย์ซื่อต่อซาอูล เมื่อซาอูลฝ่าฝืนคำสั่งพระเจ้าในบทที่ 15 ซามูเอลโศกเศร้าเสียใจ คร่ำครวญกับพระเจ้าทั้งคืน (15:11) ท่านโศกเศร้าเพราะ พระเจ้าเสียพระทัยที่เลือกซาอูลให้เป็นกษัตริย์ ซามูเอลพยายามเข้าไปเฝ้าพระเจ้าและ แก้ใขแทนซาอูล ปฏิกิริยาที่ซาอูลตอบสนองต่อการดุว่าของซามูเอลคงเรียกไม่ได้ว่า เป็นการกลับใจ ยิ่งทำให้ซามูเอลโศกเศร้าหนักขึ้นไปอีก :

35 และซามูเอลไม่มาพบซาอูลอีกจนวันสิ้นชีพ แต่ซามูเอลได้โศกเศร้าเพราะซาอูล และพระเจ้า ทรงกลับพระทัยที่ได้ทรงกระทำให้ซาอูลเป็น กษัตริย์เหนืออิสราเอล
(1 ซามูเอล 15:35)

ดูเหมือนซามูเอลยังไม่หมดหวังในตัวซาอูล ท่านคงไม่อยากไปเลือกคนใหม่มาแทนที่ เพราะจะกลายเป็นว่าท่านเป็นคนตอกตะปูฝาโลงตัวสุดท้ายให้กับอาชีพการเมืองของ ซาอูล คำถามที่พระเจ้าถามซามูเอลจึงเหมือนดุอยู่กลายๆ ซามูเอลจะโศกเศร้ากับคน ที่พระเจ้าปฏิเสธไปอีกนานเท่าใด ? ซามูเอลจะคิดต่างพระเจ้าไปอีกนานไหม ? พระเจ้า ปฏิเสธซาอูลไปแล้ว และถึงเวลาที่ซามูเอลต้องทำตามเสียที ซามูเอลต้องเติมเขาสัตว์ ของท่านด้วยน้ำมัน และไปพบเจสซีชาวเบธเลเฮม ซึ่งบุตรคนหนึ่งของท่านเป็นคนที่ พระเจ้าจะเจิมตั้งให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลแทนซาอูล

ในข้อ 2 ซามูเอลยังรีรอต่อไป ท่านรีรอเพราะกลัวอันตรายที่จะต้องไปเผชิญ ท่านตอบ พระเจ้าว่าถ้าซาอูลได้ยินเรื่องการเจิมตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ ซาอูลต้องมาฆ่าท่านแน่ๆ ฟัง ดูออกจะน่ากลัวนะครับ เพราะอย่าลืมว่าซาอูลไม่รั้งรอที่จะฆ่าคนอามาเลขให้สิ้นซาก (บทที่ 15) ท่านไม่รั้งรอแม้กระทั่งจะฆ่าบุตรของท่านเอง (บทที่ 14) เช่นเดียวกับเฮโรด ที่เกิดหลายศตวรรษหลังจากนั้น เป็นผู้ที่ไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนที่จะฆ่าใครก็ได้ที่มีแนว โน้มจะมาแย่งชิงบัลลังก์ หรือพร้อมจะฆ่าใครก็ได้ที่สนับสนุนกษัตริย์ฝ่ายศัตรู (ดูบทที่ 21 และ 22) สาเหตุความกลัวของซามูเอลก็เป็นที่น่าเห็นใจ

พระเจ้ามีทางออกให้กับซามูเอล ซามูเอลต้องนำโคตัวเมียไปด้วย และบอกกับผู้คนที่ เบธเลเฮมว่าจะมาทำการถวายบูชาแด่พระเจ้า ท่านต้องเชิญเจสซีให้มารับประทานอา หารที่ถวายบูชานี้ด้วยกัน และจะเป็นโอกาสให้ท่านได้ทำการเจิมตั้งบุตรคนหนึ่งของ เจสซีขึ้นเป็นกษัตริย์ ไม่มีการบอกว่าเป็นบุตรคนใหน เพียงแต่บอกว่าเป็นหนึ่งในบุตร ของเจสซี การรับประทานอาหารในครั้งนี้เกือบเหมือนกับมื้อที่ซาอูลและคนใช้ได้รับ เชิญมาร่วม (ดูบทที่ 9 และ 10)

บางคนมีปัญหากับคำสั่งที่พระเจ้าสั่งซามูเอลในครั้งนี้ พระเจ้ากำลังให้ซามูเอลหลอก ซาอูลและชาวเบธเลเฮมหรือ ? เป็นความจริงที่พระเจ้าไม่ได้ให้บอกทุกเรื่อง กับบรรดาผู้ ใหญ่ของเบธเลเฮมในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ซามูเอลให้กระทำ แต่สิ่งที่พระองค์สั่งให้ทำ นั้นเป็นความจริง ซามูเอลมาถวายบูชาแด่พระเจ้า พระเจ้าทรงมีแผนการมากมายที่จัด เตรียมไว้ให้เรา แต่ไม่ทรงเปิดเผยทั้งหมด นับเป็นสิ่งที่สมควร ความมหัศจรรย์คือพระ องค์ทรงเปิดเผยในสิ่งที่พระองค์กำลังจะทำให้เราได้รับรู้ (ดู ยอห์น 15:15).

เมื่อซามูเอลมาถึง
การรับประทานอาหาร และการเลือกดาวิด
(16:4-13)

4 ซามูเอลก็กระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา และมาที่ เบธเลเฮมพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นก็ตัวสั่นออกมาหาท่าน กล่าวว่า "ท่านมาอย่างสันติหรือ" 5 และซามูเอลตอบว่า "มาอย่างสันติ เรามาถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า จงชำระตัว ของท่านให้บริสุทธิ์และขอเชิญมาที่การถวายสัตวบูชากับเรา" และซามูเอลก็ชำระตัวเจสซีและบุตรทั้งหลายของท่านให้ บริสุทธิ์ และเชิญเขาเหล่านั้นให้ไปยังการถวายสัตวบูชา 6 อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายมาแล้ว ท่านก็มองเห็นเอลีอับจึงคิดว่า "ผู้ที่พระองค์ทรงให้เจิมไว้ก็อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าแน่แล้ว" 7 แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า "อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอก หรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดู ที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ" 8 แล้วเจสซี ก็เรียกอาบีนาดับให้เดินผ่านหน้าซามูเอล ท่านกล่าวว่า "พระเจ้า มิได้ทรงเลือกผู้นี้" 9 แล้วเจสซีให้ชัมมาห์เดินผ่านไป และท่าน ก็กล่าวว่า "พระเจ้ามิได้ทรงเลือกผู้นี้" 10 แล้วเจสซีให้บุตรทั้ง เจ็ดคนเดินผ่านหน้าซามูเอล และซามูเอลบอกกับเจสซีว่า "พระเจ้า มิได้ทรงเลือกคนเหล่านี้" 11 แล้วซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า "บุตรชาย ของท่านอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ" เจสซีตอบว่า "ยังมีคนสุดท้องอีก คนหนึ่ง ดูเถิด เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่" และซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า "จงใช้คนไปตามเขามา เพราะเราจะไม่ยอมนั่งจนกว่าเขาจะมาที่นี่" 12 เจสซีก็ใช้คนไปนำเขามา ฝ่ายเขาเป็นคนผิวแดงๆ มีหน้าตาสวย และรูปร่างงามน่าดู และพระเจ้าตรัสว่า "จงลุกขึ้นเจิมตั้งเขาไว้เพราะ เป็นคนนี้แหละ" 13 ซามูเอลจึงนำขวดเขาน้ำมันและเจิมตั้งเขาไว้ท่าม กลางพี่ชายของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าก็สวมทับดาวิด อย่าง มากตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปยังรามาห์ พวกผู้ใหญ่ของเบธเลเฮมตกใจหน้าซีดเมื่อซามูเอลมาถึง พวกเขากลัวว่าท่านไม่ได้มา อย่างสันติ แต่คำพูดของซามูเอลทำให้พวกเขาคลายความกลัว ท่านมาเพื่อถวายสัตว บูชา และเชิญพวกเขาให้มาร่วมด้วย พวกเขาต้องชำระตัวให้บริสุทธิ์และมาร่วมพิธีถวาย บูชานี้ด้วยกัน นอกจากนั้น ซามูเอลยังชำระตัวเจสซีและบุตรด้วยในฐานะแขกรับเชิญ58

ตอนเลือกซาอูลหลายปีก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับซามูเอล พระเจ้าแจ้งให้ท่าน ทราบล่วงหน้าว่าผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์จะมาถึงในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าตรัสชัดเจนว่าผู้ใดคือผู้ ที่พระองค์ทรงเลือก (9:15-17) ในกรณีของผู้ที่จะมาแทนซาอูล ซามูเอลรู้ว่าเป็นบุตร ของใครและพักอยู่ที่ใด แต่ไม่ทราบว่าเป็นบุตรคนใดของเจสซี ซามูเอลต้องมีบันทัด ฐานในการเลือกกษัตริย์องค์ใหม่เอง บางอย่างน่าจะมาจากการที่เคยเลือกซาอูลมา ก่อน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกษัตริย์ในสมัยนั้น และในสมัยเราด้วยเช่นกัน

บันทัดฐานที่ว่านี้คือสิ่งใด ? แรก ใครๆก็คิดว่าบุตรหัวปีน่าจะเป็นผู้ได้รับเลือกให้เป็น กษัตริย์ เพราะบุตรหัวปีจะได้ส่วนแบ่งมรดกของบิดาเป็นสองเ่ท่า การเป็นหัวหน้า ครอบครัวจะถูกส่งให้กับบุตรหัวปี คนที่อายุมากที่สุดควรจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า มีประสพการณ์มากกว่า และฉลาดที่สุดในครอบครัว ใครจะไปคาดคิดว่าพระเจ้าจะ ทรงเลือกบุตรคนสุดท้อง? นอกจากนั้น ถ้านับจากอายุแล้ว ซามูเอลคาดว่าคนที่จะ มาเป็นกษัตริย์ต้องมีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด มีการวิจัยค้นคว้าว่าตำแหน่งใหญ่ตาม บริษัทต่างๆมักจะมีลักษณะ "สูง คล้ำ และรูปหล่อ" ซามูเอลก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ซึ่งเป็นบุคคลิคเดียวกับซาอูล (ดู 9:2)

เจสซีและบุตรทั้งเจ็ดรู้ว่าซามูเอลมาเพื่อจะทำสิ่งใด ดูคล้ายๆกับมาตามหาซินเดอเรลล่า เจสซีและบุตรคงต้องรู้สึกประหม่าที่รู้ว่าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวจะได้เป็นกษัตริย์ ดัง นั้นเจสซีและบุตรต้องมาเดินให้ซามูเอลดูทีละคน เริ่มจากคนโตสุด พระเจ้ารู้ดีว่าซามู เอลคิดอย่างไรเมื่อเห็นเอลีอับ บุตรคนโตของเจสซี เป็นชายที่สูงสง่า (ดูข้อ 7) แต่ พระองค์ตรัสกับซามูเอลว่า พระองค์ไม่ได้เลือกผู้นี้ให้มาเป็นกษัตริย์คนต่อไป พระองค์ บอกอีกด้วยว่า พระองค์ไม่ได้ยึดตามบันทัดฐานรูปกายภายนอกของมนุษย์ เจสซีจึง เรียกบุตรคนต่อไปมา อาบีนาดับ ซามูเอลก็ปฏิเสธอีก ต่อไปคือชัมมาและบุตรที่เหลือ อีกสี่คนของเจสซี แต่พระเจ้าไม้ได้ทรงเลือกผู้ใดในคนเหล่านี้ให้เป็นกษัตริย์เลย

แน่นอนซามูเอลต้องงงและสงสัยว่าทำไมมีปัญหา ดูเหมือนครอบครัวเจสซีไม่มีใครคิด ว่าดาวิดน่าจะเป็นกษัตริย์ ทุกคนลืมดาวิดไปสนิท จนกระทั่งซามูเอลถามเจสซีว่ายังมี บุตรหลงเหลืออยู่หรือไม่ ใช่ แน่นอนยังมีดาวิดอีกคน แต่เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่ม -- หรือ อาจเรียกว่าเป็นเด็กอยู่ก็ได้ -- ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ แล้วจะเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ได้อย่างไร? เขาถูกส่งให้ไปทำงานของเด็ก – เฝ้าฝูงแกะ เวลาเดินทางไปต่างประเทศ ผมเองเคย เห็นบางประเทศให้ผู้หญิงหรือเด็กดูฝูงแกะฝูงเล็กๆ และนี่เป็นงานเดียวกับที่ดาวิดทำ แค่นี้ก็เพียงพอที่ไม่มีใครจะคิดถึงท่านในฐานะกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล

สิ่งที่พระเจ้ามองดูคือจิตใจของดาวิด ซาอูลเป็นผู้ที่พระเจ้าต้องเปลี่ยนจิตใจท่าน :

9 เมื่อซาอูลหันหลังไปจะจากซามูเอล พระเจ้า ทรงประทานจิตใจอีกอย่างหนึ่งแก่ท่าน และหมาย สำคัญเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันนั้น
(1 ซามูเอล 10:9)

แต่จิตใจของซาอูลไม่ได้คงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ท่านจึงถูกปลดออกไป และ แทนที่ด้วยคนแบบดาวิด ผู้ที่มีดวงใจเพื่อพระเจ้า พระเจ้าจึงตรัสกับซาอูลว่า

14 แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระเจ้าทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัย พระองค์แล้ว และพระเจ้าทรงแต่งตั้งชายผู้นั้น ให้เป็นเจ้านายเหนือ ชนชาติของพระองค์ เพราะท่านมิได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชา ท่านไว้"
(1 ซามูเอล 13:14)

ไม่มีใครตระหนักว่า พระเจ้าได้จัดเตรียมทุกสิ่งสำหรับให้ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ ดาวิด ได้รับการสวมทับโดยพระวิญญาณในทันทีเพื่อจะนำและเสริมสร้างท่าน ในการจัด เตรียมของพระเจ้า พระองค์วางแผนให้ดาวิดเข้าใกล้ซาอูลในฐานะผู้ถือเครื่องอาวุธ (16:21) เพื่อจะได้เรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์ต่างๆในการปกครองของกษัตริย์ ดาวิดไม่ได้ถูก เลือกให้มาทำหน้าที่แทนซาอูลในทันที ก่อนอื่นท่านต้องมาอยู่ในฐานะผู้ฝึกงาน เพื่อ จะได้รับการปลูกฝังทั้งกายใจและจิตวิญญาณเพื่อปกครองดินแดนของท่านให้ยั่งยืนไป อีกหลายปี59

เจสซีให้คนไปตามดาวิดมา และถูกนำไปต่อหน้าซามูเอล ดาวิดเป็นคนหนุ่มหน้าตาดี ไม่ได้ขาดคุณสมบัติใดอย่างที่พวกพี่ๆมี ยกเว้นอายุและตำแหน่งบุตรหัวปี เราเห็นว่า พระเจ้าไม่ได้ให้ดาวิดดูด้อยในเรื่องหน้าตา แต่พระองค์ไม่ได้ทรงเลือกท่านเพราะเหตุนี้ ความหล่อเหลาของกษัตริย์ก็เหมือนความสวยของภรรยา – คือไม่ใช่เป็นพื้นฐานในการ เลื่อกคู่ แต่การเลือกสตรีที่สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้า และถ้าเธอสวยด้วย ก็ไม่ได้ หมายความว่าเธอจะถูกมองข้ามไป (ดูสุภาษิต 31:30) คุณลักษณะของดาวิดเป็นที่ชอบ พอพระทัยพระเจ้า และเป็นพื้นฐานในการทรงเลือกมาทำงานให้พระองค์ รูปลักษณ์ภาย นอกของดาวิดก็เหมือนครีมหน้าขนมเค้ก ; สิ่งที่ดาวิดขาด พระวิญญาณจะทรงเติมให้ และทุกสิ่งพระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้แล้วในแผนการของพระองค์

พระเจ้าบอกซามูเอลว่า ดาวิดเป็นผู้ที่พระองค์ทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์อิสราเอล ซามูเอลจึงยืนขึ้นและทำการเจิมตั้งท่าน พระวิญญาณพระเจ้าสถิตอยู่กับดาวิด ครอบ ครองและเสริมสร้างท่านนับจากนั้นเป็นต้นมา60 ซามูเอลจึงเดินทางกลับไปบ้านท่าน ที่รามาห์

การเลือกดาวิดให้ไปรับใช้ซาอูล
(16:14-23)

14 ฝ่ายพระวิญญาณของพระเจ้าก็พรากจากซาอูล และวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็ทรมานซาอูล 15 และ พวกมหาดเล็กของซาอูลก็กราบทูลว่า "ดูเถิด วิญญาณชั่วจากพระเจ้ากำลังทรมานพระองค์อยู่ 16 ขอเจ้านายของข้าพระบาททั้งหลายจงบัญชา ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทผู้ที่อยู่ต่อพักตร์ฝ่าพระบาท ให้หาคนที่มีฝีมือในการดีดพิณ และเมื่อวิญญาณชั่ว จากพระเจ้าสิงฝ่าพระบาท ก็ให้เขาดีดพิณแล้วฝ่าพระ บาทจะหายดี" 17 ซาอูลก็รับสั่งผู้รับใช้ของพระองค์ว่า "จงไปหาชายคนหนึ่งที่ดีดพิณได้ดีมาให้เรา นำเขามา หาเรา" 18 คนหนึ่งในพวกชายหนุ่มทูลว่า "ดูเถิด ข้าพระบาทเห็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเบธเลเฮม เป็นผู้มีฝีมือในการดีดพิณ เป็นคนกล้าหาญ เป็นนักรบ พูดเก่ง และเป็นคนมีหน้าตาดี และพระเจ้าทรงสถิตกับ เขา" 19 เพราะฉะนั้นซาอูลจึงส่งผู้สื่อสารไปยังเจสซี กล่าวว่า "จงให้ดาวิดบุตรของท่านผู้อยู่กับแกะนั้นมา หาเรา" 20 และเจสซีก็จัดลาตัวหนึ่งบรรทุกขนมปัง และถุงหนังใส่เหล้าองุ่นถุงหนึ่ง กับลูกแพะตัวหนึ่ง ฝากไปกับดาวิดบุตรของท่านให้ถวายซาอูล 21 ดาวิด ก็มาเฝ้าซาอูลและเข้ารับราชการ ซาอูลก็ทรงรักดาวิด มาก ดาวิดก็ได้เป็นคนถือเครื่องอาวุธของซาอูล 22 และซาอูลทรงส่งข่าวไปยังเจสซีว่า "จงอนุญาตให้ ดาวิดอยู่รับราชการกับเรา เพราะเขาเป็นที่พอตาพอใจ ของเรา" 23 อยู่มาเมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้ามาสิง ซาอูลเมื่อไร ดาวิดก็หยิบพิณใช้มือดีดถวายซาอูลก็ ทรงชุ่มชื่นขึ้นและหายดี และวิญญาณชั่วก็พรากจาก พระองค์ไป

ในเรื่องเวลา นับเป็นเวลานานตั้งแต่การพยากรณ์เรื่องดาวิดได้รับเลือกเป็นกษัตริย์ จนถึงเวลาขึ้นครองราชย์จริง ถึงแม้ในแง่ความเป็นไปได้ เด็กหนุ่มอย่างดาวิดที่มาจาก ครอบครัวธรรมดาๆ จะขึ้นมาแทนที่กษัตริย์ขี้ระแวงที่กำลังครองราชย์อยูได้หรือ ? กษัตริย์ที่ไม่รีรอที่จะฆ่าคู่แข่งนี้หรือ ? คำตอบนี้ใช้ทั้งเวลาและเนื้อที่ในพระคัมภีร์พอสม ควร แต่ในข้อ 14-23 เราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมในสิ่งที่พระองค์ตรัสผ่านผู้เผย พระวจนะอย่างไรให้เกิดขึ้นได้อย่างไร

จากพระคำข้อ 1-13 ดุเหมือนซาอูลไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ถ้าท่านเชื่อตามคำ ของซามูเอล (รู้สึกจะไม่ โดยเฉพาะเวลาผ่านไปและท่านก็ยังดำรงอยู่ในตำแหน่ง) ท่านถูกปลดไปแล้ว และพระเจ้าได้เลือกคนที่พระองค์พอพระทัยมาแทนที่ ซาอูลไม่ รู้ว่าซามูเอลได้เจิมตั้งดาวิดขึ้นมาแล้ว และพระวิญญาณที่เคยสถิตกับท่านก็ถูกพรากไป สถิตกับดาวิดแทน ที่ท่านพอรู้คือทุกสิ่งดูแตกต่างไปจากเดิม ท่านไม่ได้พบซามูเอลอีก (ดู 15:35) ท่านไม่รู้สึกถึงอำนาจและการสถิตอยู่ของพระวิญญาณอีกต่อไป ท่านกลับ ต้องเจอประสพการณ์ที่มีวิญญาณชั่วมาสิงแทน "วิญญาณชั่วจากพระเจ้า" ที่มา ทรมาณท่าน ทุกครั้งที่วิญญาณนี้มาสิงท่านรู้สึกเหมือนถูกสาปและผิดเพี้ยนไปจากเดิม

อย่างที่พวกเรานึกอยู่ มีการพูดถึงหลายๆทฤษฎีที่เกี่ยวกับ "วิญญาณชั่วของพระเจ้า" การมาสิงของ "วิญญาณ" นี้ ก็เช่นเดียวกับการจากไปของพระวิญญาณที่พระเจ้าให้ เกิดขึ้น นั่นคือพระเจ้าทรงพรากพระวิญญาณไปจากซาอูล มีความเป็นไปได้ที่ดาวิดวิง วอนขออย่าให้พระวิญญาณจากไป (สดุดี 51:11) อาจเป็นเพราะท่านเห็นด้วยตาตนเอง ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับซาอูลในสมัยที่ท่านรับราชกาลอยู่ วิญญาณชั่วนี้ก็มาจากพระเจ้า สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะพระเจ้าทรงอธิปไตย ปกครองอยู่เหนือทุกสิ่ง ซาตานไม่ สามารถทำสิ่งใดได้ถ้าพระเจ้าไม่อนุญาติ (ดูตัวอย่างจาก โยบ 1 และ 2) สำหรับข้าราช บริพารของซาอูล "วิญญาณชั่ว" นี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ พวกเขาเคยประสพพบเห็น มาก่อน จึงรู้วิธีการที่จะช่วยรักษาได้ เรื่องนี้ทำให้ผมพอสรุปได้ว่าเป็นการสิงของ วิญญาณชั่วที่ต้องการทรมาณซาอูล เท่าที่ผมรู้จากในประวัติศาสตร์ ดูเหมือนบุรุษ อย่างฮิตเลอร์จะเคยมีประสพการณ์ในแบบเดียวกัน

ข้าราชบริพารของซาอูลเชื่อว่าเสียงเพลงสามารถกล่อมประสาทซาอูลให้สงบลงได้ จึง แนะนำท่านให้หาผู้มีความชำนาญในการเล่นพิณ เพื่อว่าเมื่อถูกวิญญาณชั่วสิง นักเล่น พิณจะเล่นเพลงเพื่อทำให้ใจท่านสงบลง ซาอูลเห็นได้วยกับความคิดนี้ เพราะตัวท่าน เองก็รูู้สึกกลัวที่ถูกวิญญาณนี้ทรมาณ

ข้าราชบริพารคนหนึ่งนึกถึงคนที่เหมาะสมสำหรับการนี้ได้ในทันที เขาเคยเห็นและเคย ได้ยินเกี่ยวกับดาวิดที่ในเบธเลเฮม ดาวิดไม่เพียงมีแต่ของประทานในการเล่นพิณ เท่านั้น ท่านยังเป็นนักรบผู้กล้าหาญด้วย (ดูได้จาก ที่ท่าน "จัดการ" กับหมีและสิงห์) เป็นผู้ที่มีลักษณะดีและมีสติปัญญาของพระเจ้า และที่สำคัญที่สุด เป็นผู้ที่พระเจ้าสถิต อยู่ด้วย สิ่งที่ทำให้ดาวิดเหมาะสมสำหรับตำแหน่งกษัตริย์ เป็นสิ่งเดียวกับที่ทำให้ท่าน มีโอกาสทำงานถวายกษัตริย์ แววแห่งการเป็นกษัตริย์ของดาวิดเริ่มฉายชัดขึ้นทุกขณะ ถึงแม้คนที่ทำงานอยู่ในพระราชวังยังเห็นได้

ซาอูลเรียกดาวิดให้มาเข้าเฝ้าด้วยวิธีการนุ่มนวล แต่ก็ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง มีการ ส่งผู้สื่อสารไปยังเจสซี เพราะดาวิดยังอยู่ภายใต้การปกครองของบิดา จากคำสั่งที่มีไป ถึงเจสซีทำให้รู้ว่าซาอูลรู้ดีว่าดาวิดยังเป็นเด็กเลี้ยงแกะ (ดูข้อ 19) เจสซีจึงส่งดาวิดไป พร้อมด้วยอาหารเป็นเครื่องบรรณาการ เพื่อให้ดาวิดทำหน้าที่รับใช้อยู่ในวัง ขณะที่ ความสามารถของดาวิดประจักษ์ชัดแก่ซาอูล ท่านจึงเลื่อนตำแหน่งให้ดาวิดเป็นผู้ถือ เครื่องอาวุธ ซึ่งน่าจะเป็นตำแหน่งที่ใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวที่สุดในงานรับใช้ทั้งหมด ซาอูลไม่เพียงแต่ยอมรับในความสามารถของดาวิดเท่านั้น ท่านกลับรักดาวิดด้วย ดาวิด จึงเป็นเหมือนบุตรคนหนึ่งของซาอูล

ระยะทดลองงานของดาวิดใกล้จบสิ้นลง ท่านกำลังจะได้ตำแหน่งทำงานกับกษัตริย์ ซาอูลแจ้งแก่เจสซีว่าท่านประสงค์จะให้ดาวิดเข้ารับราชการประจำ เพื่อว่าเมื่อใดก็ตาม ที่วิญญาณชั่วเข้าสิง ดาวิดจะได้เล่นพิณเพื่อให้อารมณ์ท่านสงบลง พระวิญญาณในตัว ดาวิดสามารถขับไล่วิญญาณชั่วไปจากซาอูลได้ ซาอูลสะกดคำว่าโล่งใจอย่างไรครับ ? สะกดว่า ด า วิ ด

บทสรุป

ความบาปของซาอูลในบทที่ 15 คือจุดจบของซาอูล ; ยังไม่ใช่จุดจบในการปกครอง ของท่าน แต่จุดจบโอกาสที่จะหันคืนมากลับใจ แต่เหตุใดจึงต้องเจิมตั้งดาวิดไว้ล่วง หน้าเป็นเวลานานกว่าจะได้ขึ้นครองราชย์ ? แรก พระวิญญาณที่เคยสถิตอยู่เพื่อช่วย ซาอูลทำหน้าที่กษัตริย์ จะมาสถิตอยู่กับดาวิดแทน และด้วยพระวิญญาณนี้เองที่ทำ ให้ดาวิดสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และทำพระราชกิจให้ซาอูลได้ตามที่พระเจ้าทรงจัด เตรียมไว้ ฟังดูแปลกและคาดไม่ถึงนะครับว่า ดาวิดทำหน้าที่รับใช้กษัตริย์เพื่อเตรียม ตนเองให้ขึ้นปกครองในฐานะกษัตริย์ วิธีการของพระเจ้าเกินกว่าความคิดและสติปัญญา ของเราจะเข้าใจจริงๆ

สอง การเจิมตั้งดาวิดเป็นบทพิสูจน์สำหรับชาวอิสราเอล การเจิมตั้งดาวิดครั้งนี้ ต่าง จากสมัยซาอูล เพราะทำแบบกึ่งสาธารณะ มีเพียงบิดา พี่ชาย และพวกผู้ใหญ่ของเมือง ที่ได้รับเชิญมารับประทานเลี้ยงเท่านั้นที่รู้ว่า มีการเลือกกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซาอูลแล้ว ผู้คนทั่วไปถ้ารู้ว่าดาวิดจะได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล การปฎิบัติ ที่มีต่อท่านจะเปลี่ยนไป ดังนั้น จึงเป็นการดีที่จะได้พิสูจน์ว่าใครสมควรกับตำแหน่งใด ในอาณาจักรใหม่ของดาวิดนี้

ผมขอยกตัวอย่างของสามีภรรยาคู่หนึ่ง นาบาลและอาบีกายิล ซึ่งบันทึกอยู่ใน1 ซามูเอล 25 ดาวิดกำลังหลบหนีการตามล่าของซาอูล ท่านและคนของท่านซ่อนตัวอยู่แถวที่ เลี้ยงสัตว์ของนาบาล พวกเขาไม่เคยไปวุ่นวายหรือลอบขโมยสัตว์ของนาบาลเลย เพราะเป็นสมบัติมีค่าของนาบาล เมื่อเวลาตัดขนมาถึง พวกเขาจึงขอของตอบแทนบาง อย่างจากนาบาล นาบาลปฏิเสธโดยพูดว่า :

10ข"ดาวิดคือผู้ใด บุตรของเจสซีคือผู้ใด สมัยนี้มี คนใช้เป็นอันมากที่หนีไปจากนายของตน 11 ควร หรือที่ข้าจะนำขนมปังของข้า และน้ำของข้า และ เนื้อของข้า ซึ่งข้าได้ฆ่าเสียสำหรับคนตัดขน แกะ ของข้ามอบให้แก่คนซึ่งมาจากที่ไหนข้าก็ไม่รู้?"
(1 ซามูเอล 25:10ข -11)

ไม่ใช่ว่านาบาลไม่รู้จักดาวิด เขารู้ว่าท่านเป็นบุตรของเจสซี และรู้ด้วยว่าท่านกำลังหลบ หนีซาอูลผู้เป็นนายมา หรือจะกล่าวอีกได้ว่า เขารู้ว่าดาวิดจะมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ แทนซาอูล ถ้าไม่แน่ใจ ลองอ่านคำพูดของนางอาบิกายิล ภรรยาของนาบาลที่พูดกับ ดาวิดว่า :

28 ได้โปรดอภัยความผิดของผู้รับใช้ของท่านเถิด เพราะพระเจ้าคงทรงกระทำให้เจ้านายของดิฉันเป็น พงศ์พันธุ์ที่มั่นคง ด้วยว่าเจ้านายของดิฉันทำสงคราม อยู่ฝ่ายพระเจ้า ตราบใดที่ท่านมีชีวิตอยู่จะหาความชั่ว ที่ตัวท่านไม่ได้เลย 29 แม้มีคนลุกขึ้นไล่ตามท่าน และแสวงชีวิตของท่าน ชีวิตของเจ้านายของดิฉันจะ ผูกมัดอยู่กับกลุ่มชีวิตซึ่งอยู่ในความพิทักษ์ของพระเย โฮวาห์พระเจ้าของท่าน แต่ชีวิตศัตรูของท่านจะถูกเหวี่ยง ออกไปดั่งออกไปจากรังสลิง 30 และเมื่อพระเจ้าจะทรง กระทำแก่เจ้านายของดิฉันแล้ว ตามบรรดาความดีซึ่ง พระองค์ทรงลั่นวาจาเกี่ยวกับท่าน และทรงตั้งท่านไว้ เป็นเจ้านายเหนืออิสราเอล 31 เจ้านายของดิฉันจะไม่มี เหตุที่ต้องเศร้าใจหรือระกำใจ เพราะได้กระทำให้โลหิต เขาตกด้วยไม่มีสาเหตุหรือ เพราะเจ้านายของดิฉันทำ การแก้แค้นเสียเอง และเมื่อพระเจ้าทรงกระทำความดี แก่เจ้านายของดิฉันแล้วก็ขอระลึกถึงผู้รับใช้ของท่านบ้าง"
(1 ซามูเอล 25:28-31)

นาบาลรู้แน่ๆว่าดาวิดคือใคร แต่ไม่อยากจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หรือเป็นเพราะกลัว อิทธิพลของซาอูล (ดูบทที่ 21 และ 22)? อาบิกายิลเป็นสตรีที่ฉลาดและดำเนินในทาง ของพระเจ้า เธอรู้ว่าดาวิดเป็นผู้ใด สิ่งที่เธอปฏิบัติต่อดาวิดนั้นเป็นเพราะเธอยอมรับท่าน ในฐานะกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ดังนั้นการเจิมตั้งดาวิดไว้ล่วงหน้าจึงเป็นบท พิสูจน์ถึงความเป็นกษัตริย์ในอนาคตของท่าน

เช่นเดียวกันในทุกวันนี้ เมื่อผู้เขียน1 ซามูเอลเปลี่ยนให้ดาวิดมาเป็นตัวหลักแทนซาอูล ท่านอยากให้เรามาพิจารณาดูบุรุษผู้เป็นต้นตระกูลขององค์พระเยซูคริสต์ แย่หน่อยที่ ซาอูลเป็นเหมือนซาตาน ซาอูลได้รับสิทธิอำนาจปกครองภายใต้พระเจ้า แต่การปก ครองของท่านกลับเป็นสิ่งที่สำคัญกว่ากฎเกณฑ์และการครอบครองของพระเจ้า ท่าน จึงถูกปลดออกไป ดาวิดเป็นผู้ได้รับเลือกมาแทนที่ เพื่อปกครองประชากรของพระเจ้า ด้วยความชอบธรรม ซาตานหรือซาอูลในยุคนั้น ถูกพระเจ้าปฏิเสธ บนไม้กางเขนที่เนิน หัวกระโหลก องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามีชัยเหนือซาตาน แต่ซาตานก็ยังมีอิสระที่จะทำ การต่อต้านพระองค์ ถึงแม้ว่าจะมีการลงโทษอย่างแน่นอนคอยอยู่ในอนาคตก็ตาม ในระ หว่างการรอคอยนี้ พระเยซูคริสต์ได้ถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์ของพระเจ้า พระองค์ไม่เพียง แต่ประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าเท่านั้น พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมโดยการสิ้นพระ ชนม์ ถูกฝังไว้ และทรงคืนพระชนม์จากความตาย ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ในฐานะ กษัตริย์ จะเข้าสู้แผ่นดินและครอบครองร่วมกับพระองค์ชั่วนิรันดร์ คำถามสำหรับคุณ และผมในวันนี้คือ : "เราควรปรนนิบัติผู้ใด ?" ใครจะมาปกครองเรา ? เราจะยอมจำนน ให้กับอาณาจักรของผู้ใด ? โดยธรรมชาติ มนุษย์ทุกคนนั้นเกิดอยู่ภายใต้อาณาจักรของ มาร มีเพียงการเกิดใหม่เท่านั้น การวางใจในพระราชกิจขององค์พระเยซูคริสต์ที่ทำบน ไม้กางเขน ที่มนุษย์จะได้รับการย้ายออกไปจากอาณาจักรแห่งความมืด ไปสู่อาณาจักร แห่งความสว่าง จากอาณาจักรของซาตาน ไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า ท่านเปลี่ยน กษัตริย์หรือยังครับ ?

ซามูเอลคาดการเรื่องกษัตริย์องค์ใหม่ของพระเจ้าผิดไป ท่านคิดว่ากษัตริย์องค์ใหม่จะ ต้อง "สูงสง่าดูดี" พระเจ้าบอกกับซามูเอลอย่างชัดเจนว่า พระองค์ไม่ได้เลือกกษัตริย์ จากรูปกายภายนอก (1 ซามุเอล 16:7) ดาวิดนั้นดูดี แต่พระเจ้าไม่ได้เลือกเพราะเหตุนี้ จากการทรงเลือกขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูคริสต์ องค์กษัตริย์นิรันดร์ของพระเจ้า เป็นผู้ที่ไม่เคยมีใครจดจำพระลักษณะของพระองค์ได้ :

1 ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เราทั้งหลายได้ยิน พระกรของ พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ผู้ใด 2 เพราะท่านได้เจริญ ขึ้นต่อพระพักตร์พระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือน รากแตกหน่อมาจากพื้นดินแห้ง ท่านไม่มีรูปร่างหรือ ความสวยงามซึ่งเราทั้งหลายจะมองท่าน และไม่มี ความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน 3 ท่านได้ถูก มนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความเจ็บไข้ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทน มองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับ ถือท่าน
(อิสยาห์ 53:1-3)

5 ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 6 ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียม กับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ 7 แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ 8 และ เมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรง ถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความ มรณาที่กางเขน
(ฟีลิปปี 2:5-8)

เท่าที่ผมเข้าใจตามข้อพระคำเหล่านี้ องค์พระเยซูคริสต์ของเราคงไม่มีลักษณะเด่นเป็น ที่สะดุดตา ผู้คนคงไม่ได้ต้องการพบพระองค์เพราะความหล่อ หรือเสียงนุ่มทุ้มจับใจ แต่ ผู้คนต้องการพบพระองค์ เพราะรู้สึกได้ถึงพระทัยที่พระองค์มีต่อพระเจ้า และความเป็น พระเจ้าของพระองค์ เป็นเพราะทรงยอมจำนนและเชื่อฟังพระบิดาอย่างเต็มเปี่ยม จึงทำ ให้พระองค์แตกต่างโดยสิ้นเชิง รวมทั้งความจริงที่ว่าพระองค์คือพระเมสซิยาห์ผู้มาทำ ให้คำพยากรณ์สำเร็จลง ทรงเป็นผู้เดียวที่พระเจ้าเลือกให้มาปกครอง และเมื่อพระองค์ เสด็จกลับมา มนุษย์ทุกคนจะคุกเข่าลงยอมรับพระองค์เป็นจอมกษัตริย์ของพระเจ้า (ดู ฟีลิปปี 2:9-11) สิ่งที่พระวจนะคำกล่าวคือต้องการให้เรารับพระองค์ในฐานะกษัตริย์ และเป็นผู้หนึ่งในพระราชอาณาจักรของพระองค์ หรือจะรอคอยพระอาชญาในฐานะศัตรู ของพระองค์ (ดูสดุดี 2:10-12)

ตอนนี้นับเป็นเวลาเหมาะที่จะพูดเรื่องดนตรีและความเกี่ยวข้องในขอบเขตของจิตวิญ ญาณ คุณคงจำ 1 ซามูเอลบทที่ 10 กันได้ (ข้อ 5-6, 10-13) บรรดาผู้เผยพระวจนะที่ ซาอูลพบ และเข้าร่วมเผยพระวจนะด้วยในฐานะ "อยู่ในหมู่ผู้เผยพระวจนะ" (อย่าง น้อยชั่วขณะหนึ่ง) ขณะที่พระวิญญาณสถิตกับท่านอย่างมาก พวกเขาเดินลงมาพร้อม ด้วยเครื่องดนตรีและเครื่องสาย -- พิณใหญ่ รำมะนา ปี่ พิณเขาคู่ (ข้อ 5) พระวิญญาณ สถิตมาเหนือซาอูล (และผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ) ซึ่งเกี่ยวข้องกับดนตรี หรืออาจเริ่มด้วย ดนตรีก็เป็นได้ ในบทที่ 16 ซาอูลเมื่อถูกวิญญาณชั่วสิงสามารถสงบลงได้เพราะดาวิด เล่นพิณให้ฟัง อีกครั้งใน 2 พงศ์กษัตริย์ 2:14-15 เอลีชาเรียกหานักดนตรีเพื่อท่านจะ สามารถเผยพระวจนะด้วยพระวิญญาณ ผมคิดว่าดนตรีมีส่วนในการเชื่อม (หรือตัดออก) เข้าสู่จิตวิญญาณ ผมคิดว่าเราต้องมาดูว่าเราควรฟังดนตรีประเภทไหน ผมรู้ว่ามีการ พูดถึง "เพลงร็อค" ค่อนข้างมาก ผมคงไม่พูดพาดพิงไปถึงเรื่องนี้ แต่ผมอยากจะแนะ นำว่าดนตรีบางประเภทเอื้อประโยชน์ให้กับคุณ ในขณะที่บางประเภทอาจปลุกเร้า วิญญาณชั่วขึ้นมา เนื้อหาตอนนี้ทำให้เราหยุดคิดถึงเรื่องดนตรีที่เรากำลังฟังอยู่ และ อิทธิพลที่มีต่อเรา

พระคำตอนนี้พูดเกี่ยวกับการที่พระเจ้าเลือกดาวิดให้มาทำงานเพื่อพระองค์ -- ไม่ใช่ เพื่อความรอด บางคนอาจเข้าใจไปว่าพระเจ้าช่วยกู้ ดาวิดเพราะท่านมีหัวใจให้แก่พระ องค์ พระเจ้าเลือกดาวิดมารับใช้ พระองค์เพราะใจของท่าน มีความแตกต่างเป็นอย่าง มากระหว่าง การเลือกให้มารับใช้ และเลือกมาเพื่อ รับความรอด ถ้าพระเจ้าเลือกเฉพาะ ผู้มีใจบริสุทธิ์ให้ได้ความรอด พระองค์คงหาไม่่เจอ :

9ผู้ใดจะกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าได้กระทำใจของข้าพเจ้า ให้สะอาดแล้ว ข้าพเจ้าบริสุทธิ์พ้นบาปของข้าพเจ้า"?
(สุภาษิต 20:9 ดู โรม 3:9-18)

9 "จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้น เล่า?"
(เยเรมีย์ 17:9 ดู โรม 3:9-18ด้วย)

พระเจ้าไม่ได้เลือกมนุษย์เพราะมองเข้าไปในจิตใจและชอบพระทัยในสิ่งที่เห็น พระเจ้า ทรงช่วยกู้คนที่บาปชั่วในจิตใจ พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อคนเหล่านั้น พระองค์นำ ความบาปทั้งสิ้นมาไว้ที่พระบุตร พระเยซูคริสต์ พระคริสต์ผู้เดียวเท่านั้นที่ปราศจากบาป และเหมาะสมที่จะตายเพื่อความบาปของผู้อื่น มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ ของมนุษย์ ที่มีจิตใจอิสระจากความบาป และท่านผู้นั้นคือองค์พระเยซูคริสต์ พระเจ้า ทรงช่วยผู้ที่วางใจในพระองค์ เพื่อรับการอภัยจากบาป และมอบของประทานอันเป็น นิรันดร์ให้

มีการพูดกันถึงเรื่องผู้นำค่อนข้างมากในทุกวันนี้ และผมอยากจะกล่าวว่าคุณลักษณะ และคุณสมบัติที่เรามองหาในผู้นำสมัยนี้ ต่างจากตอนที่พระเจ้าทรงเลือกดาวิด คริส เตียนมีวิธีการเลือกผู้นำไม่ต่างไปจากผู้นำทางโลก เราดูคนที่มี "ศักยภาพ" (มีเงิน มีอิทธพลและบารมี) และเป็นผู้นำ "ในด้านธุรกิจ" พระเจ้าเลือกคนที่มีใจให้พระองค์ ผมเชื่อว่าบุคคลิกเป็นสิ่งแรกในการเป็นผู้นำ แต่ไม่ใช่สิ่งเดียว เป็นเพียงพื้นฐานในการ เลือก ให้เรามาพิจารณาดูผู้นำที่พระเจ้าเลือก และให้เราแสวงหาบุรุษหรือสตรีที่พระเจ้า เรียกให้มารับใช้พระองค์


58 ทำให้เรานึกไปว่าเจสซีนั้นคงไม่นับเป็นพวกผู้ใหญ่ของเบธเลเฮม ที่แน่ๆ บรรดาบุตรของ เจสซีไม่ใช่พวกผู้ใหญ่ จึงไม่น่าเป็นผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือก

59 ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นเวลากี่ปี แต่จากฉบับแปลของ KJV มีการพูดถึงเวลาประมานเจ็ดปีนับ จากที่ดาวิดได้รับการเจิมไปจนถึงเมื่อซาอูลสิ้นชีพ และประมาน 10 ปี ที่ท่านได้เป็นกษัตริย์ของ อิสราเอล พระเจ้าให้เวลาดาวิดเติบโต และโตพอสำหรับรับตำแหน่งหน้าที่ในฐานะกษัตริย์ของ อิสราเอล โดยการทรงนำของพระวิญญาณ

60 ลองดูบทเรียนนี้จากสดุดี 51:11

Related Topics: Introductions, Arguments, Outlines

Report Inappropriate Ad