Previous PageTable Of ContentsNext Page

บทที่ 17: พระเจ้าทรงช่วยกู้ดาวิด
(1 ซามูเอล 18:30 -- 19:24)

คำนำ

ผมอยากเริ่มต้นบทเรียนนี้ด้วยการเปรียบเทียบดาวิดกับแมวที่คนสมัยก่อนชอบพูดว่ามี "เก้าชีวิต" แต่นั่นก็ยังไม่เหมาะสมเท่าไร เพราะดูเหมือนท่านมี "ชีวิต" มากกว่านั้น เพียงแค่สองบท (1 ซามูเอล 18 และ 19) ซาอูลพยายามฆ่าดาวิดอย่างน้อยถึงสิบสอง ครั้งด้วยกัน :

18:11

ซาอูลพุ่งหอกใส่ดาวิดถึงสองครั้ง

18:13

ซาอูลตั้งดาวิดเป็นผู้บังคับการกองพัน โดยหวังว่าจะถูกฆ่าตายในสนามรบ

18:17

มีการเสนอยกเมราบให้กับดาวิดโดย "ขอแต่เธอจงเป็นคนกล้าหาญและ สู้ศึกของพระเจ้าเท่านั้น"

18:20f.

มีการเสนอมีคาลให้กับดาวิดแลกกับปลายหนังองคชาตของฟิลิสเตีย 100 คน แต่ดาวิดมอบให้ถึง 200

19:1

ซาอูลสั่งให้โยนาธานและผู้รับใช้ของท่านฆ่าดาวิดเสีย

19:10

ซาอูลพุ่งหอกใส่ดาวิดอีก

19:11f

ซาอูลส่งผู้สื่อสารไปฆ่าดาวิดที่บ้าน

19:18f

ซาอูลส่งคนไปที่นาโยทสามกลุ่มเพื่อจับดาวิด และท่านตามไปเองด้วย

ในบทที่ 20 ซาอูลไม่เพียงแต่ดำเนินการฆ่าดาวิดต่อ ท่านยังพุ่งหอกใส่โยนาธานด้วยที่ ออกมาปกป้องดาวิด (20:33) ในบทที่ 22 ซาอูลฆ่าอาหิเมเลขและทั้งพงศ์พันธ์ของบิ ดาท่าน (เว้นแต่คนเดียว) และกำจัดทุกคนที่เมืองโนบ เมืองปุโรหิต

ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าซาอูลทำงานหนักขนาดนี้เพื่อฆ่าศัตรูของอิสราเอล (เช่นฟิลิสเตีย) เหมือนกับที่ฆ่าคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ (เช่นดาวิด โยนาธานและอาหิเมเลข) ท่านคงจะเป็น ทั้งแม่ทัพผู้กล้าหาญและกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล ในขณะที่ท่านอยู่ในอาการ เพี้ยน มิตรที่ดีที่สุดของท่านกลับกลายเป็นศัตรู และศัตรูกลับกลายเป็นมิตรไปแทน (ในการตามไล่ล่าดาวิด) ซาอูลกลายเป็นคนโรคประสาท ท่านกลัวผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ที่สุดของท่าน ดาวิด ผู้ไม่เคยคิดจะฆ่าท่านถึงแม้โอกาสอำนวยให้หลายครั้งก็ตาม ซาอูลพยายามปกปิดความเกลียดชัง ความริษยา และการเป็นปฏิปักษ์ต่อดาวิด แต่ไม่ สามารถปิดต่อไปได้เมื่อมาถึงข้อแรกของบทที่ 19 หลังจากนั้นความตั้งใจจริงที่อยาก ฆ่าดาวิดและทุกคนที่ให้ความร่วมมือปกป้องดาวิดได้ถูกเปิดเผย

พระคำตอนนี้พูดถึง การช่วยกู้ของพระเจ้าสี่ครั้ง ที่ช่วยดาวิดจากเงื้อมมือของกษัตริย์ ซาอูล ครั้งแรก อยู่ในข้อ 1-7 เมื่อโยนาธานตำหนิและให้เหตุผลกับบิดาในสิ่งที่ท่าน ทำต่อดาวิด ครั้งที่สอง อยู่ในข้อ 8-10 เมื่อหอกที่ท่านพุ่งใส่ดาวิดพลาดเป้า ครั้งที่สาม โดยทางมีคาล ภรรยาของดาวิดผู้เป็นธิดาของซาอูล เธอช่วยหย่อนดาวิด ลงทางหน้า ต่าง หลอกบิดาและคนรับใช้ของท่าน ถ่วงเวลาจนดาวิดหนีไปได้ ท้ายสุด ได้รับการ ช่วยกู้จากซามูเอล และผู้สื่อสารที่ซาอูลส่งไปจับดาวิดก็เปลี่ยนไปเผยพระวจนะแทน ในข้อ 18-24

ผมเคยนำพระคำตอนนี้ไปเทศนาวันอาทิตย์ก่อนหน้าคริสตมาส คนคงสงสัยว่าเกี่ยวอะ ไรกับบรรยากาศเทศกาลที่กำลังจะเฉลิมฉลองด้วย ผมขอบอกว่าพระคำตอนนี้กับการ เกี่ยวข้องในเรื่องราววันคริสตมาสนั้นไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นมาเอง เมื่อเราเรียนพระคำตอน นี้อย่างทะลุปรุโปร่ง เราจะเห็นว่าอะไรในซาอูลที่ขัดแย้งกับวิญญาณของคริสตมาส หรือ จิตวิญญาณของคริสเตียน บทเรียนนี้สำคัญสำหรับพวกเราที่รู้ว่าพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วย ให้รอด และสำหรับคนอื่นๆที่ควรรู้จักพระองค์ในแบบเดียวกันด้วย

ช่วยด้วยเหตุผล
(18:30—19:7)

30บรรดาเจ้านายแห่งคนฟีลิสเตียก็ออกมาทำสงคราม เขาทั้งหลายจะออกมาสักกี่ครั้งก็ตาม ดาวิดก็ได้กระทำ ความสำเร็จมากกว่าบรรดาข้าราชการของซาอูล ชื่อเสียง ของเธอจึงโด่งดังมาก 1 ซาอูลตรัสกับโยนาธานราชบุตร และกับบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ให้เขาทั้งหลายฆ่า ดาวิดเสีย แต่โยนาธานราชบุตรของซาอูลพอใจในดาวิด มาก 2 และโยนาธานก็บอกดาวิดว่า "ซาอูลเสด็จพ่อของ ฉันหาช่องจะฆ่าเธอเสีย เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เช้าขอจงระวัง ตัวให้ดี จงอยู่เสียในที่ลับซ่อนตัวไว้ 3 และฉันจะออกไป ยืนอยู่ข้างๆเสด็จพ่อในทุ่งนาที่เธออยู่ และฉันจะกราบ ทูลเสด็จพ่อด้วยเรื่องของเธอ ถ้าฉันรู้เรื่องอะไรจะบอก ให้ทราบ" 4 โยนาธานกล่าวชมดาวิดให้ราชบิดาฟังทูลว่า "ขอพระราชาอย่าทรงกระทำบาปต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระ องค์เลย เพราะดาวิดหาได้กระทำบาปสิ่งใดต่อฝ่าพระบาท ไม่ และการงานของเธอก็เป็นงานปฏิบัติฝ่าพระบาทอย่างดี 5 เพราะเธอเสี่ยงชีวิตของตน และประหารคนฟีลิสเตียนั้น และพระเจ้าทรงกระทำให้มีชัยใหญ่หลวงเพื่ออิสราเอลทั้ง ปวง ฝ่าพระบาททรงเห็นแล้วและทรงชื่นชมยินดี แต่ไฉน ฝ่าพระบาทจึงจะกระทำบาปต่อโลหิตที่ไร้ความผิดด้วยการ ฆ่าดาวิดเสียอย่างปราศจากเหตุผล" 6 ซาอูลก็ทรงฟังเสียง ของโยนาธานและซาอูลจึงปฏิญาณว่า "พระเจ้าทรงพระ ชนม์อยู่แน่ฉันใด ดาวิดจะไม่ต้องถูกประหารชีวิตเลย" 7 และโยนาธานก็เรียกดาวิด และโยนาธานแจ้งให้เธอทราบ ถึงสิ่งเหล่านี้ และโยนาธานนำดาวิดเข้าเฝ้าซาอูล และ ดาวิดได้เข้าเฝ้าซาอูลอย่างแต่ก่อน

สิ่งเดียวที่ซาอูลทนไม่ได้คือความสำเร็จของคนรับใช้ เช่นเดียวกับพวกมาร ซาอูลไม่ ชอบเป็นที่สองรองใคร (ดูอิสยาห์ 14; เอเสเคียล 28) ดังนั้นเมื่อบรรดาผู้บังคับกองพัน ไปออกรบ ซึ่งมีดาวิดรวมอยู่ด้วย (ดู 18:13) และท่านทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ (18:30) ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ ท่านกลับเป็นที่รู้จักมากขึ้น สติปัญญาของท่าน (ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นผล ของพระวิญญาณ ; ดู 16:13) ทำให้ท่านแตกต่างและโดดเด่นไปจากผู้บังคับกองพันคน อื่น ท่านเป็นบุรุษที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง

นี่คือสิ่งที่ซาอูลกลัวที่สุด ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว ซาอูลสั่งผู้รับใช้ – รวมทั้งโยนา ธานด้วย – ให้ฆ่าดาวิด แต่โยนาธานทำสัญญาไว้กับดาวิด และไม่มีความตั้งใจที่จะละ เมิดด้วย แต่เหตุผลแท้จริงที่โยนาธานไม่ทำอันตรายดาวิดเป็นเพราะท่าน "พอใจใน ดาวิดมาก" การปกป้องดาวิดเป็นยิ่งกว่าหน้าที่ ; โยนาธานพอใจในดาวิด ท่านรักดา วิดเท่ากับตัวท่านเอง (18:1) โยนาธานจึงออกไปกลับคำสั่งของบิดาที่ให้ไปฆ่าดาวิด ถ้าจำเป็น โยนาธานยอมขัดคำสั่ง แต่ท่านใช้เหตุผลพูดจนบิดายอมเข้าใจและล้มเลิก ความตั้งใจ สิ่งนี้สำเร็จลงในข้อ 1-7

โยนาธานไปเตือนดาวิด แจ้งเรื่องคำสั่งของบิดา และบอกให้ดาวิดระวังตัวจนกว่าท่านจะ ไปพูดกับบิดา ที่น่าแปลกคือท่านนัดพบบิดาในที่ที่เดียวกับที่ดาวิดซ่อนตัวอยู่ (ข้อ 2-3) เพื่อดาวิดจะเห็นและได้ยินทุกอย่างหรือ ? หรือโยนาธานต้องการให้ดาวิดมั่นใจว่า ท่านจริงใจไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น ? อีกอย่างคือ ท่านสัญญาจะรายงานผลการเจรจาต่อรอง ให้ดาวิดทราบ

วิธีการที่โยนาธานต่อรองกับบิดาแทนดาวิดนั้นเป็นแบบอย่างอันดีให้กับเราหลายประ การ แรก เราเห็นแบบอย่างของเพื่อนที่รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง การเผชิญหน้า กับซาอูล (หรือควรเรียกว่า "ขวางลำ" ดี) เป็นเรื่องเสี่ยงตาย (ดู 16:2, 4; 20:33; 22:11-19) แต่โยนาธานก็ยอมเสี่ยง สอง โยนาธานยอมลดตนและความต้องการส่วน ตัวลง (เช่นราชบัลลังก์) ให้กับดาวิด (ดู 23:17) สาม โยนาธานนั้นเป็นบุตรที่สัตย์ซื่อ และยอมให้กับซาอูลผู้เป็นบิดา โยนาธานเข้าพบบิดาโดยตรงและพูดกับท่านด้วยความ เคารพ ท่านพูดเรื่องดีๆเกี่ยวกับดาวิด ด้านหนึ่งท่านร้องขอชีวิตของดาวิดไว้ และอีกด้าน หนึ่งท่านชี้ให้บิดาเห็นถึงคุณความดีของดาวิด ท่านเตือนซาอูลว่าดาวิดนั้นเป็นผู้รับใช้ที่ สัตย์ซื่อและทุ่มเทเป็นที่สุดแล้ว และทุกสิ่งที่ท่านทำล้วนนำมาซึ่งประโยชน์ของซาอูล ท่านยังเตือนบิดาด้วยถึงตอนที่ดาวิดฆ่าโกลิอัท ว่าเป็นเหตุนำมาซึ่งชัยชนะของซาอูล ด้วย (19:5) การเป็นปฏิปักษ์กับดาวิดนั้นนอกจากเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดแล้ว ที่ร้าย กว่านั้นคือเป็นความบาปด้วย เพราะเปรียบเหมือนกระทำให้โลหิตของผู้ไร้ความผิดตก (19:4-5)80

เพียงชั่วคราว ที่โยนาธานใช้เหตุผลจนซาอูลล้มเลิกความตั้งใจ ท่านสาบานว่า "พระ เจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด" ดาวิดจะไม่ถูกประหารชีวิต (ข้อ 6) เป็นคำสัญญาที่มี อายุสั้นมาก แต่ทำให้เราเห็นว่าซาอูลยอมรับบ้างว่าท่านผิด และเห็นถึงความบริสุทธิใจ ของดาวิด โยนาธานเรียกดาวิด และรายงานผลของการพูดกับบิดา และนำดาวิดกลับ เข้าวังเหมือนเดิม เหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติ ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็ตาม (ข้อ 7)

ช่วยโดยพระเจ้า
(19:8-10)

8 สงครามได้เกิดขึ้นอีก ดาวิดก็ออกไปต่อสู้กับคน ฟีลิสเตีย และได้ฆ่าฟันเสียเป็นอันมาก เขาทั้งหลาย จึงหนีไปเสียจากเธอ 9 แล้ววิญญาณชั่วจากพระเจ้า ก็เข้ามาสิงซาอูลเมื่อพระองค์ประทับในนิเวศของ พระองค์ทรงหอกอยู่ และดาวิดก็กำลังดีดพิณถวาย 10 และซาอูลทรงพุ่งหอกหมายปักดาวิดให้ติดฝาผนัง แต่เธอก็หลบหนีซาอูลไป ซาอูลจึงทรงพุ่งหอกติดผนัง และดาวิดก็หลบหนีรอดไปได้ในคืนนั้น

ซาอูลเหมือนเหยียบเรือสองแคม : ท่านไม่อยากออกไปสู้รบกับพวกฟิลิสเตีย แต่เมื่อ ดาวิดออกไปสู้ ได้ชัยชนะเป็นวีรบุรุษกลับมา ซาอูลกลับโกรธและอิจฉา ไม่มีตรงไหนที่ กล่าวว่าซาอูลออกไปรบกับพวกฟิลิสเตีย แต่เรารู้ว่าดาวิดไป และมีชัยชนะอย่างเด็ดขาด (ข้อ 8) ทำให้เหตุการณ์กลับไปเป็นเหมือนในบทที่ 18 ข้อ 6-9 ที่ "วิญญาณชั่วจาก พระเจ้า" เข้ามาสิงซาอูล ท่านนั่งอยู่ในวังถือหอกไว้ในมือ (ดาวิดก็อยู่ด้วย ถือพิณอยู่ ในมือ – ข้อ 9) ด้วยความริษยา ซาอูลพยายามปักดาวิดให้ติดผนังด้วยหอกในมือ81 แต่ดาวิดก็สามารถหลุดรอดหนีไปได้ในความมืด และรอดตายไปได้อีกครั้ง (ข้อ 10)

ความเกี่ยวข้องระหว่างความริษยาของซาอูลที่มีต่อดาวิด และการที่ "วิญญาณชั่ว จากพระเจ้า" มาเข้าสิงในข้อ 9 นั้นไร้ความหมายใดๆ เรารู้ดีว่า "วิญญาณชั่วจาก พระเจ้า" ที่มาสิงซาอูลนั้นเป็นเพราะพระวิญญาณพรากไปจากท่าน (16:14-15) เรารู้ ด้วยว่าวิญญาณชั่วนี้ไม่ได้มาสิงอยู่ตลอดเวลา ครั้งแรกๆ ตอนที่วิญญาณชั่วมาสิง ดาวิด ถูกเรียกให้มาเล่นพิณกล่อมท่าน และท่านจะสงบลง (16:23) เรารู้ว่าเสียงพิณของ ดาวิดทำให้วิญญาณชั่วจากไป แต่เราไม่รู้ว่าวิญญาณชั่วนี้มาสิงซาอูลทำไม อาจเป็น เพราะความริษยาและความโกรธของซาอูลเป็นเหตุให้วิญญาณชั่วเข้ามา หรือเป็นเพราะ เมื่อซาอูลมีความโกรธและริษยาจน "ถึงขีดสุด" วิญญาณชั่วจะเข้ามาในทันที ทำให้ท่าน ตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอและพ่ายแพ้82 เมื่อเรายอมพ่ายแพ้ต่อการบังคับตนเอง ไม่ว่า เป็นเพราะความโกรธ ความโลภ หรือความเย้ายวนทางเพศ (ขอยกมาเพียงสองสามตัว อย่าง) เราก็กำลังเปิดทางให้กับกิจการและอิทธิพลของมาร ผมเชื่อว่านี่เป็นเหตุให้ ซาอูลยอมแพ้ต่อวิญญาณชั่ว เมื่อท่านโกรธในชัยชนะของดาวิดจนยั้งไม่อยู่

ดาวิดที่สุดสายปลายเชือก
(19:11-17)

11 ซาอูลทรงใช้ผู้สื่อสารไปที่บ้านของดาวิดเพื่อเฝ้าดูเธอ และเพื่อจะฆ่าเธอเสียในเวลาเช้า แต่มีคาลภรรยาของดาวิด บอกดาวิดว่า "ถ้าคืนนี้เธอไม่ช่วยชีวิตของเธอ พรุ่งนี้เธอจะ ถูกฆ่าตาย" 12 มีคาลจึงหย่อนดาวิดลงทางหน้าต่าง และ เธอก็หนีรอดไป 13 มีคาลได้นำรูปเคารพมาวางไว้บนเตียง นอน และวางหมอนขนแพะไว้ที่ศีรษะเอาผ้าห่มคลุมไว้ 14 เมื่อซาอูลส่งผู้สื่อสารไปจับดาวิด มีคาลตอบว่า "เขาไม่สบาย" 15 แล้วซาอูลส่งผู้สื่อสารนั้นให้ไปดูดาวิด สั่งว่า "จงนำเขา มาหาเราทั้งเตียง เพื่อเราจะได้ฆ่าเขาเสีย" 16 เมื่อผู้สื่อสาร เข้ามา ดูเถิด รูปเคารพก็อยู่ในเตียงพร้อมกับหมอนขนแพะ อยู่ที่ศีรษะ 17 ซาอูลรับสั่งถามมีคาลว่า "ไฉนเจ้าจึงหลอก ลวงเราและปล่อยศัตรูของเราไปเสีย เขาจึงรอดพ้นไป" และมีคาลทูลตอบซาอูลว่า "เธอพูดกับหม่อมฉันว่า 'ปล่อย ให้ฉันไปเถิด จะให้ฉันฆ่าเธอทำไมเล่า'"

ดาวิดคงหนีซาอูลไปได้ในความมืด แต่ซาอูลยังไม่ละความตั้งใจที่จะจับให้ได้และฆ่า ให้ตาย ซาอูลส่งคนไปสังเกตุการแถวบ้านของดาวิด สั่งให้รอจนกว่าจะเช้าและฆ่าเสีย ดาวิดคงรู้สึกปลอดภัยเมื่อกลับมาบ้าน แต่มีคาลรู้จักบิดาของนางดี นางจึงรีบเตือนดาวิด ให้หนีไปเสียในคืนนั้น มิฉะนั้นคงต้องตายแน่ๆ และต้องหนีในทันทีด้วย ผมพอจินตนา ภาพออกว่า มีคาลคงยืนท้าวสะเอวบอกกับดาวิดผู้ใสซื่ออย่างเอาจริงเอาจังว่า ท่านคงรู้ จักบิดาเธอน้อยไปหน่อย

การพรางตัวดาวิดอาจเป็นวิธีเดียวที่จะหนีรอดไปได้ ดูไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีสักเท่าไร แต่ ถ้าท่านต้องการจะมีชีวิตอยู่ ท่านต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรีไว้เบื้องหลัง83 บ้านของท่านคงจะ อยู่แถวๆกำแพงเมือง มีคาลจึงต้องค่อยๆหย่อนสามีลงทางหน้าต่าง เพื่อให้ท่านลงไปยัง พื้นเบื้องล่างนอกกำแพงเมืองและหลบหนีไปในความมืดได้

เหตุการณ์ที่บ้านก็ดูไม่จืดสักเท่าไร แต่เ็ป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ดาวิดหลบหนีจากบ้านไปสู่ ความมืดโดยไม่มีใครเห็นได้ ส่วนมีคาลรู้ดีว่านางต้องหาวิธีถ่วงเวลาจนกว่าดาวิดจะหนี ไปจนไกล ดังนั้นเมื่อคนของซาอูลมาเคาะประตูบ้าน มีคาลจึงพร้อม นางเตรียมอุปกรณ์ จัดฉากไว้หมดแล้ว ที่บนเตียง นางได้นำรูปเคารพใส่เสื้อผ้าของดาวิดมาวางไว้ เพื่อทำ ให้เหมือนมีคนนอนอยู่ เอาหมอนขนแพะวางไว้ตรงศรีษะ ถ้าดูจากไกลๆ ไม่ต้องเข้ามา ใกล้ คนคงคิดว่าเป็นดาวิดที่นอนอยู่บนเตียง และท่านคงจะป่วยจริงๆ

ผู้สื่อสารที่ซาอูลส่งไป กลับไปรายงานตามคำบอกเล่าของมีคาล ซาอูลสงสัยเป็นอย่าง ยิ่ง จึงส่งผู้สื่อสารกลับไปอีกครั้งและให้ไปนำตัวดาวิดมาด้วย เพื่อหวังจะฆ่าด้วยมือของ ตนเอง คงเป็นเหตุการณ์ที่ระทึกใจไม่น้อย เมื่อผู้สื่อสารเหล่านี้รื้อเตียงออกมาดู และ พบว่าเป็นเพียงรูปเคารพที่มาวางไว้เพื่อพรางตา โกรธจนหน้าเขียว ผู้สื่อสารของซาอูล รีบกลับไปรายงานให้เจ้านายทราบว่าถูกหลอก ซาอูลโกรธลูกสาวมากที่ช่วยดาวิดให้ หนีรอดไปได้ มีคาลจึงหลอกบิดาว่า ถ้านางไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกดาวิดฆ่า สิ่งนี้ตรง กับความคิดที่บิดเบือนของซาอูลพอดี ถึงแม้จะไม่เป็นความจริงก็ตาม84

ที่จริงการช่วยเหลือครั้งนี้ดูน่าขำดี เพราะแสดงให้เห็นถึงแผนการจะฆ่าดาวิดอย่างไร้ เหตุผลของซาอูล เราต้องกลับไปย้อนเหตุการณ์ดูว่าดาวิดได้ภรรยาคนนี้มาอย่างไร ครั้งแรกตอนที่โกลิอัทออกมาเยาะเย้ยถากถางซาอูลและกองทัพอิสราเอลนั้น ซาอูล เสนอจะยกธิดาให้กับใครก็ตามที่สามารถปราบโกลิอัทลงได้ (17:25) โดยสิทธิอันชอบ ธรรม ดาวิดควรได้ธิดาคนนั้นมาเป็นภรรยาตั้งแต่ตอนนั้น หลังจากดาวิดเริ่มมีชื่อเสียงใน แผ่นดิน และซาอูลเกิดความริษยา ท่านจึงเสนอธิดาของท่านให้เป็นภรรยาของดาวิด :

17ฝ่ายซาอูลจึงรับสั่งกับดาวิดว่า "ดูเถิด นี่คือบุตรสาวคนโตของเรา ชื่อเมราบ เราจะมอบแม่นางให้เป็นภรรยาของเธอ ขอแต่เธอจงเป็นคน กล้าหาญและสู้ศึกของพระเจ้าเท่านั้น" เพราะซาอูลทรงดำริว่า "อย่า ให้มือของเราแตะต้องเขาเลย ให้มือคนฟีลิสเตียแตะต้องเขาดีกว่า" (1 ซามูเอล 18:17)

ดาวิดปฏิเสธข้อเสนอ เพราะท่านเห็นว่าฐานะท่านไม่เหมาะสมกับธิดาของกษัตริย์ และท่านตระหนักดีว่าไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าสินสอดได้ (18:18; ดูข้อ 23 ด้วย)

ครั้งต่อมาเมื่อซาอูลเสนอธิดาอีกคนให้ดาวิด ครั้งนี้ท่านมีแผนการร้ายในใจซ่อนอยู่ด้วย:

20ฝ่ายมีคาลราชธิดาของซาอูลนั้นรักดาวิด มีคนเอาเรื่อง ไปทูลซาอูลเรื่องนี้เป็นที่พอพระทัยพระองค์ 21 ซาอูลทรง ดำริว่า "ให้เรายกแม่นางให้แก่เธอ แม่นางจะได้เป็นกับดัก เธอและมือของคนฟีลิสเตียจะได้ต่อสู้เธอ" ดังนั้นซาอูลจึง รับสั่งแก่ดาวิดครั้งที่สองว่า "ครั้งนี้เธอจะเป็นบุตรเขยของเรา" 22 ซาอูลทรงบัญชามหาดเล็กว่า "จงพูดเป็นส่วนตัวกับดาวิด ว่า 'ดูเถิด พระราชาพอพระทัยในเธอ และบรรดามหาดเล็ก ของพระองค์ก็รักเธอ เพราะฉะนั้นจงเป็นบุตรเขยของพระราชา เถิด'" 23 และมหาดเล็กของซาอูลพูดเรื่องนี้ให้ดาวิดฟัง ดาวิด ก็ถามว่า "ท่านทั้งหลายเห็นว่าที่จะเป็นบุตรเขยของพระราชา นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยอยู่หรือ ด้วยข้าพเจ้าเป็นแต่คนจนและไม่ มีชื่อเสียงอะไรเลย" 24 และมหาดเล็กของซาอูลจึงทูลว่า "ดาวิดพูดอย่างนั้นอย่างนี้" 25 ซาอูลจึงรับสั่งว่า "เจ้าจงพูด เช่นนี้แก่ดาวิด 'พระราชาไม่มีพระประสงค์จะเอาอะไรในการ แต่งงานเลย นอกจากหนังปลายองคชาตของคนฟีลิสเตียสัก หนึ่งร้อย เพื่อพระองค์จะทรงแก้แค้นศัตรูของพระราชา'" ฝ่ายซาอูลทรงดำริว่าจะให้ดาวิดตายเสียด้วยมือของคนฟีลิสเตีย 26 และเมื่อมหาดเล็กกล่าวคำเหล่านั้นให้ดาวิดฟัง ก็เป็นที่พอ ใจดาวิดที่จะเป็นบุตรเขยของพระราชา ก่อนเวลาที่กำหนดไว้จะ หมดไป 27 ดาวิดก็ลุกขึ้นไปพร้อมกับคนของเธอ ได้ฆ่าคนฟีลิส เตียเสียสองร้อยคน และดาวิดก็นำหนังปลายองคชาตของคน เหล่านั้นมาถวายแก่พระราชาครบจำนวน เพื่อเธอจะเป็นบุตรเขย ของพระราชา ซาอูลจึงยกมีคาลพระราชธิดาของพระองค์ให้เป็น ภรรยาของดาวิด (1 ซามูเอล 18:20-27)

เมื่อเป็นการชัดเจนว่าดาวิดต้องการจะแต่งงานกับมีคาล และท่านยินดีที่จะไปนำปลาย หนังองคชาตของพวกฟิลิสเตียตามจำนวนที่ต้องการมาให้ (ที่จริงได้มากเป็นสองเท่า = 200) ซาอูลดีใจเป็นที่สุด ท่านแน่ใจว่าความรักที่มีคาลมีต่อดาวิด (และที่ดาวิดมีต่อ นาง) จะเป็นเหตุที่ทำให้ดาวิดต้องตาย แต่เมื่อดาวิดพยายามฆ่าฟิลิสเตียให้ได้มากที่สุด อีกครั้ง แผนการของซาอูลก็ถูกตีกลับ ดาวิดสามารถนำปลายหนังองคชาตของฟิลิสเตีย มาให้ได้ (มากเป็นสองเท่า) และท่านได้ธิดาคนหนึ่งของซาอูลไปเป็นภรรยา นางรักสามี และไม่มีวันยอมมีส่วนในแผนการครั้งนี้ นอกจากนั้น นางยังเป็นคนช่วยสามีให้พ้นไป จากเงื้อมมือบิดาเสียอีก อีกครั้ง ที่ซาอูลเล็งไปถูกหัวแม่เท้าตนเอง (โดยใช้หอก ?) ท่านพยายามฆ่าคนที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ ผมว่าซาอูลคงหัวเราะไม่ออก แต่คาดว่าคงได้ ยินมากกว่าเสียงหัวเราะในสวรรค์สถาน

ก่อนที่จะจากเรื่องการช่วยเหลือของมีคาลไป เราไม่ควรมองข้าม สดุดีบทที่ 59 ซึ่งสะ ท้อนให้เห็นภาพการช่วยกู้ดาวิดในครั้งนั้น เราคงจะไม่เจาะพระคำตอนนี้ให้ลึกลงไป แต่เราควรมองหาข้อสังเกตุบางประการ ประการแรก ไม่มีการเอ่ยชื่อนางมีคาลในพระ ธรรมสดุดี ไม่ใช่เพราะดาวิดอยากปิดบังว่านางมีส่วนในการช่วยเหลือ แต่ดาวิดไม่ได้ มองเฉพาะการช่วยเหลือที่มีมาในตอนนั้น แต่ท่านมองไปที่แหล่งสำคัญที่สุดของการ ช่วยกู้ – พระเจ้า ดังนั้นดาวิดจึงโมทนาสรรเสริญพระองค์ ประการที่สอง คำอธิบายถึง ผู้ที่ไล่ลาดาวิดนั้นฟังดูเหมือนเป็นพวกต่างชาติมากกว่าเป็นยิว (ดู สดุดี 59:5-8) ผมคง ไม่ประหลาดใจถ้าจะบอกว่าผู้สื่อสารที่ซาอูลส่งไปล่าดาวิดนั้นเป็นคนต่างชาติำเรารู้ว่า ซาอูลชอบจ้างพวกคนร้ายๆมาไว้ใกล้ตัว (ดู 1 ซามูเอล 14:52) คนเหล่านี้ไม่่รีรอที่ฆ่า ดาวิด แต่คงไม่ใช่คนอิสราเอล ช่างเป็นการเหมาะสมที่ซาอูล (ชาวยิว) ยืมมือคนร้ายๆ (อย่างคนต่างชาติ) มาต่อสู้กับกษัตริย์ของพระเจ้า เช่นเดียวกับที่ผู้นำศาสนายิวในเวลา ต่อมาทำเพื่อต่อต้านองค์พระเยซูคริสต์ ในที่สุด ดาวิดพูดถึงพวกที่ไล่ล่าท่านเหล่านี้ว่า เป็นพวกมุสา (สดุดี 59:12) คนเหล่านี้หรือเปล่าที่ชอบเพ็จทูลเรื่องดาวิดให้ซาอูลฟัง (ดู 1 ซามูเอล 24:9; 26:19)?

เข้าพึ่งพระศาสนา: ช่วยโดยพระวิญญาณ
หรือ
ความพยายามของปุโรหิต
(19:18-24)

18 ฝ่ายดาวิดก็หนีรอดไป เธอมาหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ และเล่าเรื่องที่ซาอูลได้ทรงกระทำแก่เธอให้ซามูเอลฟัง เธอและซามูเอลก็ไปอยู่เสียที่นาโยท 19 มีคนไปทูลซาอูล ว่า "ดูเถิด ดาวิดอยู่ที่นาโยทในเมืองรามาห์" 20 ซาอูลก็รับ สั่งให้ผู้สื่อสารไปจับดาวิด และเมื่อเขาไปเห็นหมู่ผู้เผยพระ วจนะกำลังเผยพระวจนะอยู่ และซามูเอลยืนเป็นหัวหน้าเขา ทั้งหลาย พระวิญญาณของพระเจ้าก็มาสถิตกับผู้สื่อสารของ ซาอูล และเขาทั้งหลายก็เผยพระวจนะด้วย 21 เมื่อมีคนไป ทูลซาอูลพระองค์ก็ทรงใช้ผู้สื่อสารอื่นไป และคนเหล่านั้นก็ เผยพระวจนะด้วย ซาอูลทรงใช้ให้ผู้สื่อสารไปครั้งที่สาม เขา ทั้งหลายก็เผยพระวจนะด้วย 22 ซาอูลก็เสด็จไปที่รามาห์เอง มาถึงบ่อน้ำใหญ่ที่ในเมืองเสคู และรับสั่งถามว่า "ซามูเอลกับ ดาวิดอยู่ที่ไหน" มีคนทูลว่า "ดูเถิด เขาทั้งสองอยู่ที่นาโยท ในเมืองรามาห์" 23 พระองค์จึงเสด็จไปที่นั่นยังนาโยทใน เมืองรามาห์ และพระวิญญาณของพระเจ้าสิงสถิตกับพระองค์ ด้วย ทรงดำเนินพลางเผยพระวจนะพลางจนเสด็จถึงนาโยท ที่เมืองรามาห์ 24 พระองค์ทรงถอดฉลองพระองค์ออก และ ก็ทรงเผยพระวจนะด้วยต่อหน้าซามูเอล และบรรทมเปลือย กายอยู่ตลอดคืนนั้นและตลอดวันนั้น ดังนั้นเขาจึงพูดกันว่า "ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ"

ความพยายามถ่วงเวลาของมีคาลเกิดผล ดาวิดอาศัยความมืดหนีรอดไปได้ถึงรามาห์ ท่านไปพบกับซามูเอล และเล่าเรื่องที่ซาอูลทำกับท่าน ทั้งสองจึงออกจากรามาห์ไป ยังนาโยท85 เรื่องนี้ได้ยินไปถึงหูของซาอูลว่าทั้งสองหลบหนีอยู่ในรามาห์ ซาอูลจึงส่ง คนไปจับดาวิด เมื่อคนพวกนี้ไปถึงนาโยท ก็ได้พบกับพวกผู้เผยพระวจนะที่กำลังเผย พระวจนะอยู่ และซามูเอลก็อยู่ท่ามกลางและกำลังนำพวกเขาด้วย และพระวิญญาณ ของพระเจ้าก็ลงมาเหนือคนเหล่านั้นที่ซาอูลส่งไปให้จับดาวิด พวกเขาก็เริ่มเผยพระ วจนะด้วย

ไม่มีการพูดถึงว่าคนเหล่านี้ทำสิ่งอื่นใดเมื่อพระวิญญาณมาสถิต นอกจากเผยพระวจนะ แต่เราลองเดาดูได้โดยไม่น่าพลาด เรารู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้จับดาวิดหรือทำร้ายซามูเอล ถ้าพวกเขาเผยพระวจนะ จึงคาดได้ว่าคำพูดของพวกเขาต้องมีการสรรเสริญพระเจ้าหรือ พยากรณ์เกี่ยวกับกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล ถ้าคนเหล่านี้ถูกควบคุมโดยพระ วิญญาณพระเจ้า และประกาศว่าดาวิดคือกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล พวกเขาจะมี ส่วนในการลงมือฆ่าดาวิดได้อย่างไร ? จากมุมมองของซาอูล พวกคนกลุ่มแรกที่ส่งไป นี้ ตัดทิ้งไปได้เลย

ซาอูลเรียนบทเรียนได้ไม่ดีนัก เราไม่รู้ว่าคำรายงานที่ซาอูลได้รับเกี่ยวกับคนกลุ่มแรก ที่ท่านส่งไปจับดาวิดมีว่าอย่างไร มีบันทึกไว้เพียงว่า "มีคนไปทูลซาอูล" ถ้ามีคนเล่า ให้ซาอูลฟังว่าพระวิญญาณพระเจ้าลงมาสถิตกับคนเหล่านั้น และพวกเขาทำการเผย พระวจนะ ก็แสดงว่าท่านยังไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงมีการส่งชุดที่สองออกไปจับกุมดาวิดอีก (เราคงแน่ใจว่ากลุ่มที่ส่งไปครั้งที่สองนี้ ท่านคงเลือกผู้ที่พระวิญญาณไม่น่าจะมาสถิต ด้วย) แต่เมื่อกลุ่มที่สองนี้มาถึง ก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก ซาอูลจึงส่งกลุ่มที่สามออกไป และเหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีก

ซาอูลไม่ยอมเข้าใจว่าความพยายามของท่านนั้นไร้ประโยชน์ ถ้าความพยายามครั้งหลัง สุดท่านเพียงแต่พูดกับตนเองว่า "สามหนน่าจะเป็นลางดี" และท่านคงคิดว่า "ถ้าท่าน อยากให้งานเดินหน้า ท่านต้องไปทำด้วยตนเอง" ซาอูลจึงไปยังรามาห์ ไปจนถึงบ่อน้ำ ใหญ่ในเมืองเสคู ท่านถามหาซามูเอลและดาวิด มีคนบอกว่าทั้งสองอยู่ที่นาโยทในเมือง รามาห์ ท่านจึงเดินทางไปที่นั่น ในขณะกำลังไป พระวิญญาณพระเจ้าลงมาสถิตกับซา อูล และท่านเริ่มเผยพระวจนะไปจนถึงที่หมาย

คงเป็นภาพที่น่าดู ซาอูลโมโหมากที่คนทั้งสามครั้งที่ท่านส่งไปเพื่อจับกุมดาวิด ไม่ มีสักคนประสพความสำเร็จ และตอนนี้ท่านตั้งใจจะไปจัดการด้วยตัวเอง คุณนึกออก ไหมว่าอารมณ์ของซาอูลเป็นอย่างไรเมื่อเข้าใกล้ที่พักของดาวิดและซามูเอลไปทุกที ? และในทันใดพระวิญญาณของพระเจ้าก็มาสถิตเหนือท่าน ท่านถอดเสื้อผ้าออก นอน เปลือยกายอยู่ต่อหน้าซามูเอลตลอดทั้งวันและคืนนั้น

ซาอูลต้องการจะฆ่าดาวิดไปให้พ้นจากราชบัลลังก์ของท่าน ใช่หรือไม่ ? ซาอูลยังจับกุม ดาวิดไม่สำเร็จด้วยซ้ำไป และตอนนี้ท่านอาจกำลังกล่าวคำพยากรณ์เรื่องดาวิดจะขึ้นมา เป็นกษัตริย์ด้วย ซาอูลมาในฐานะกษัตริย์ พร้อมด้วยสิทธิและอำนาจ ตั้งใจจะมาทำให้ แผนการสำเร็จลง ใช่หรือไม่ ? แต่บัดนี้ท่านกลับนอนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าซามูเอล !

คำเล่าลือเรื่องการมาของซาอูลและความประพฤติเพี้ยนๆของท่านกระฉ่อนไปทั่ว ผมนึก ถึงภาพของผู้คนที่ได้ยินและต้องการมาดูให้เห็นกับตาออก คงมีหลายคนมาดู และพบ ว่าเนื้อในท่านไม่ได้หล่ออย่างที่คิด (ผมนึกเอาน่ะครับ) ที่ผมสนใจที่สุดคือ คำถามที่ ออกจากปากของคนเหล่านี้ที่เห็นท่าน : "ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วย หรือ?" (ข้อ 24)

การมาของซาอูลและความประพฤติของท่านจะอธิบายว่าอย่างไรดี ? คนที่นั่นรู้หรือไม่ว่า ท่านมาเพื่อจะฆ่าดาวิด ? ถ้าไม่รู้ การมาของท่านและความประพฤติต้องเป็นที่น่าสงสัย อย่างแน่นอน มีเหตุผลใดที่ซาอูลต้องทำเป็นเผยพระวจนะในท่ามกลางผู้เผยพระวจนะ ด้วย ? เรารู้ว่า ไม่มีผู้ใดที่อยู่ในการควบคุมของพระวิญญาณ จะสามารถทำตามแผนชั่ว ที่คิดจะฆ่าคนที่พระเจ้าเจิมตั้งได้ นี่เป็นวิธีหนึ่งที่พระเจ้ารับประกันความปลอดภัยของ ดาวิด ถึงแม้จะมาลงมือทำการด้วยตัวเอง ซาอูลก็ยังไม่ประสพความสำเร็จในการขัด ขวางงานของพระเจ้า เช่นเดียวกับที่พระเยซูผู้ทรงพระสิริกล่าวแก่เซาโล (อ.เปาโล) ในเวลาต่อมาว่า "ซึ่งเจ้าถีบประตักก็เจ็บตัวเจ้าเอง" (กิจการ 26:14).

ให้เราสังเกตุดูอีกอย่างก่อนที่จะจบตอนสุดท้ายของบทที่ 19 นั่นคือความคล้ายคลึง กันระหว่างเหตุการณ์ครั้งนี้ และเหตุการณ์ที่เกิดกับซาอูลก่อนหน้านี้ :

5 ต่อจากนั้นท่านจะมาถึงกิเบอัทเอโลฮิม ที่นั่นมีกองทหารรักษา การของคนฟีลิสเตีย เมื่อท่านมาถึงเมืองนั้น ท่านจะพบผู้เผยพระ วจนะหมู่หนึ่งกำลังลงมาจากปูชนียสถานสูงถือพิณใหญ่ รำมะนา ปี่ พิณเขาคู่ นำหน้ามา กำลังเผยพระวจนะเรื่อยมา 6 แล้วพระ วิญญาณของพระเจ้าจะมาสถิตกับท่านอย่างมาก และท่านจะเผย พระวจนะกับคนเหล่านั้น เปลี่ยนเป็นคนละคน 7 เมื่อหมายสำคัญ เหล่านี้เกิดแก่ท่านแล้วจงกระทำอะไรตามแต่มีโอกาสเถิด เพราะ พระเจ้าทรงสถิตกับท่าน 8 และท่านจงลงไปที่กิลกาลก่อนฉัน และดูเถิด ฉันจะลงมาหาท่านเพื่อจะถวายเครื่องเผาบูชา และ ถวายสัตว์เป็นเครื่องศานติบูชา ท่านจงคอยอยู่ที่นั่นเจ็ดวันจน ฉันมาหาท่านและสำแดงแก่ท่านว่า ท่านควรจะกระทำอะไร" 9 เมื่อซาอูลหันหลังไปจะจากซามูเอล พระเจ้าทรงประทานจิต ใจอีกอย่างหนึ่งแก่ท่าน และหมายสำคัญเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้น ในวันนั้น 10 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงกิเบอาห์ ดูเถิด ผู้เผยพระวจนะ หมู่หนึ่งพบกับท่าน และพระวิญญาณของพระเจ้าสิงสถิตกับท่าน อย่างมาก และท่านก็เผยพระวจนะอยู่ในหมู่พวกเขา 11 และเมื่อ คนทั้งหลายที่รู้จักท่านมาก่อน เห็นท่านเผยพระวจนะอยู่กับพวก ผู้เผยพระวจนะ ประชาชนเหล่านั้นก็พูดกันและกันว่า "อะไรหนอ เกิดขึ้นแก่บุตรชายของคีช ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วย หรือ" 12 ชายคนหนึ่งอยู่ที่นั่นตอบว่า "และบิดาของเขาทั้งหลาย คือใคร" ดังนั้นจึงเป็นคำภาษิตว่า "ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระ วจนะด้วยหรือ" (1 ซามูเอล 10:5-12)

คำพูดนี้เหมือนกันโดยบังเอิญหรือ? จากบทที่ 10และซ้ำอีกทีในบทที่ 19? ครั้งแรกเกิด ระหว่างที่ซาอูลเตรียมตัวจะเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล พระวิญญาณมาสถิตอยู่กับท่าน เพื่อสำแดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัตริย์ และเติมท่านให้เต็มพร้อม จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกษัตริย์ได้ จิตใจของซาอูลได้รับการเปลี่ยนแปลง และท่าน "เปลี่ยนเป็นคนละคน" (10:6, 9-10) พระวิญญาณมาสถิตกับซาอูลเมื่อท่านอยู่ "ท่าม กลางผู้เผยพระวจนะ " (10:5, 10) เมื่อซาอูลเผยพระวจนะร่วมกับผู้เผย พระวจนะท่านอื่นๆ ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกประหลาดใจและกล่าวว่า "อะไร หนอเกิดขึ้นแก่บุตรชายของคีช ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ" (10:11) คำนี้จึงกลายเป็นคำภาษิตของคนทั้งหลาย (10:12).

ความคล้ายคลึงกันของพระคำทั้งสอนตอนนี้น่าทึ่งมาก ถึงแม้จะเป็นเวลาห่างกันหลายปี ทั้งสองกรณี พระวิญญาณลงมาเหนือซาอูล และท่านเผยพระวจนะอยู่ท่ามกลางบรรดา ผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ คนที่เห็นเหตุการณ์นี้รู้สึกประหลาดใจจนต้องถามไถ่กันว่า "ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ" แต่ในทั้งสองกรณี การเผยพระวจนะ เป็นไปได้ไม่เกินวันหรือสองวัน แล้วก็จบสิ้นลง (เหมือนกับที่เราเห็นในกันดารวิถี 11:16-30)

อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างระหว่างการเผยพระวจนะครั้งแรกที่เกิดขึ้นในระหว่าง ซาอูลเตรียมตัวจะเป็นกษัตริย์ ที่จริง พระวิญญาณลงมาสถิตเหนือซาอูลเป็นข้อพิสูจน์ ว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมท่านให้พร้อมรับหน้าที่ในฐานะกษัตริย์ (ดูกันดารวิถี 11:16-30) เหมือนดังพระเจ้าแต่งตั้งท่านอย่างเป็นทางการให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ครั้ง ที่สองและครั้งสุดท้ายนี้ เกิดขึ้นเมื่ออาชีพของซาอูลใกล้จะสิ้นสุดลง หลังจากที่ท่าน ได้รับแจ้งว่าการเป็นกษัตริย์ของท่านจะสิ้นสุดลง เมื่อท่านเผยพระวจนะในครั้งสุดท้าย จึงเป็นเหมือนพระเจ้ากำลังแต่งตั้งดาวิดขึ้นอย่างเป็นทางการ (ดูเหมือนประชด) ให้มา แทนซาอูล คล้ายกับพระเจ้ากำลังแสดงให้เห็นว่าการเผยพระวจนะครั้งแรกเพื่อซาอูล จะขึ้นเป็นกษัตริย์ และครั้งสุดท้ายเพื่อแสดงว่าการเป็นกษัตริย์ของท่านกำลังจบสิ้นลง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราต้องนำกลับมาทบทวนดูดีๆ

บทสรุป

ในวันอาทิตย์ก่อนคริสตมาส เราคงสงสัยว่าทำไมผมถึงนำพระธรรมตอนนี้มาเทศนา แทนที่จะเทศน์ "เรื่องราววันคริสตมาส" เหมือนกับที่เคยทำ ในขณะที่ผมเตรียมบทเรียน บทนี้ ผมถึงตระหนักว่าเรื่องราวช่างคล้ายคลึงกับ "คริสตมาสแรก" ค่อนข้างมากทีเดียว เรามีดาวิด บุคคลที่พระเจ้าเลือกสรรและเจิมตั้งให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล กษัตริย์ ซาอูลรู้ว่า ดาวิดเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกไว้ เหตุนี้ท่านจึงหวาดระแวงมาก ถึงแม้ดาวิด ไม่ได้มีท่าทีจะมาปลดท่านออกไปจากตำแหน่งแต่อย่างใด ด้วยความอิจฉา ซาอูลจึง ลงมือฆ่าดาวิด ไม่ว่าท่านจะพยายามมากเพียงใด ที่จะจับดาวิดมาฆ่าให้ตาย แผนการ ของท่านล้มเหลวทุกครั้งไป ไม่มีทางที่ ดาวิด – กษัตริย์ของพระเจ้า – จะถูกทำลาย โดยน้ำมือของมนุษย์เช่นซาอูล หรือใครก็ตาม เมื่อมาคิดดู เราอาจพูดได้ว่าดาวิดมี ชีวิตเป็นที่ดึงดูดใจ เพราะพระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะให้ท่านเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป

เรื่องราววันคริสตมาสพูดถึงกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง "บุตรดาวิด" ผู้ซึ่งพระเจ้าแต่งตั้ง ให้มาปกครองประชากรอิสราเอลของพระองค์ เมื่อกษัตริย์พระองค์นี้ประสูติ พวกนัก ปราชญ์จากทางตะวันออกเดินทางมาตามหา เพื่อที่จะนมัสการพระองค์ กษัตริย์เฮโรด และชาวเมืองเยรูซาเล็ม มีความวิตกกังวลเป็นอันมาก (ไม่ได้ยินดี!) ที่บุรุษสำคัญทั้ง สามจากตะวันออกมาตามหา "กษัตริย์ของชาวยิว" (มัทธิว 2:1-3) กษัตริย์เฮโรด เรียกชุมนุมผู้นำศาสนายิว เพื่อหาแหล่งที่อยู่ของ "กษัตริย์" องค์นี้ ท่านยังสั่งพวก นักปราชญ์ให้บอกท่านด้วยถ้าหา "กษัตริย์" องค์นี้พบ ท่านไม่ได้อยากจะไปนมัสการ พระเยซูหรอก (ต่างกับพวกนักปราชญ์) แต่อยากจะไปฆ่าให้ตาย เฮโรดมีความตั้งใจ เป็นอย่างยิ่งที่จะกำจัด "กษัตริย์" องค์นี้เสีย ท่านคิดว่าพระองค์จะมาแย่งชิงบัลลังก์ไป จากท่าน ท่านถึงกับฆ่าเด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดแถวเบธเลเฮมในเวลานั้น เพราะคิดว่า "กษัตริย์" องค์นี้อยูในกลุ่มเด็กเหล่านั้น ถึงแม้พยายามอย่างที่สุด แผนการของท่านก็ ล้มเหลว

เช่นเดียวกับกษัตริย์ซาอูล เฮโรดไม่เคยเรียนบทเรียนที่กษัตริย์ชาวโลกควรเข้าใจ : พระ เจ้าแต่งตั้งผู้ปกครองของพระองค์ พระเยซูคริสต์ พระเมสซิยาห์ที่ทรงสัญญาไว้ ผู้ซึ่งจะ ไม่มีวันถูกกำจัดหรือทำลายไป บทเรียนนี้มีอยูในพระธรรมสดุดีบทที่สอง :

1 เหตุใดบรรดาประชาชาติจึงคิดกบฏ ทำไมชนชาติทั้งหลาย ปองร้ายกันเปล่าๆ 2 บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตนเอง ขึ้น และนักปกครองปรึกษากันต่อสู้พระเจ้าและผู้รับการเจิม ของพระองค์ กล่าวว่า 3 "ให้เราระเบิดสายแอกให้ขาดสะบั้น และขจัดบังเหียนของเขาให้พ้นจากเรา" 4 พระองค์ผู้ประทับ ในสวรรค์ทรงพระสรวล พระเจ้าทรงเย้ยหยันเขาเหล่านั้น 5 แล้วพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายด้วยพระพิโรธ และกระทำ ให้เขาสยดสยองด้วยความกริ้วของพระองค์ ตรัสว่า 6 "เราได้ ตั้งกษัตริย์ของเราไว้แล้วบนศิโยน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา" 7 ข้าพเจ้าจะบอกถึงพระดำรัสของพระเจ้า พระองค์รับสั่งกับ ข้าพเจ้าว่า "เจ้าเป็นบุตรของเรา วันนี้เราได้ให้กำเนิดแก่เจ้าแล้ว 8 จงขอจากเราเถิด และเราจะมอบบรรดาประชาชาติให้เป็น มรดกของเจ้า ตลอดทั้งแผ่นดินโลกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า 9 เจ้าจะตีเขาให้แตกด้วยกระบองเหล็ก และฟาดให้แหลก เป็นชิ้นๆ ดุจภาชนะของช่างปั้นหม้อ" 10 เพราะฉะนั้น ข้าแต่ กษัตริย์ทั้งหลาย จงฉลาดเถิด ข้าแต่นักปกครองแห่งแผ่นดินโลก จงรับคำเตือนเถิด 11 จงปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความยำเกรง และจงเกษมเปรมปรีดิ์จนเนื้อเต้น 12 จงนมัสการพระองค์ด้วย ใจจริง เกลือกว่าพระองค์จะทรงพระพิโรธ และเจ้าต้องพินาศ จากทางนั้น เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นจุดให้ลุกได้รวดเร็ว ความสุขเป็นของคนทั้งหลายผู้เข้ามาลี้ภัยในพระองค์ !(สดุดี 2:1-12)

นักปราชญ์จากตะวันออกนั้นถูกต้อง และเฮโรด (เช่นเดียวกับซาอูล) นั้นผิดพลาดมหันต์ ไม่มีผู้ใดจะทำลายกษัตริย์ผู้ที่พระองค์เจิมตั้งได้ และกษัตริย์พระองค์นี้คือองค์พระเยซู คริสต์ พระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้ง พระองค์จะมีชัยเหนือบรรดาศัตรู พระองค์จะปก ครองเหนือทุกสิ่ง ผู้ที่ยอมรับพระองค์เป็นกษัตริย์ของพระเจ้า จะปกครองร่วมกันกับพระ องค์ ; พระองค์จะทำให้ผู้ที่ต่อต้านพินาศไป

พระกุมารในรางหญ้า องค์พระเยซูคริสต์ เป็นพระเมสซิยาห์ที่ทรงสัญญาไว้ กษัตริย์ผู้ที่ ปกครองเหนือทุกสิ่ง ท่านสืบเชื้อสายมาจากดาวิด พระเจ้าไม่เพียงแต่งตั้งดาวิดให้เป็น กษัตริย์ของอิสราเอลเท่านั้น พระองค์เลือกให้ท่านเป็นต้นกระกูลของกษัตริย์ที่จะเกิด มาในภายหลังด้วย ซาอูลโง่เขลาเพียงไรที่พยายามจะฆ่าดาวิด ในขณะที่ซาอูลนอน หมอบราบอย่างถ่อมต่อหน้าผู้เผยพระวจนะซามูเอล ทุกคนที่ต่อต้านพระเยซูคริสต์ กษัตริย์ของพระเจ้า จะต้องล้มลงต่อเบื้องพระพักตร์และยอมรับพระองค์เป็นจอมกษัตริย์ เหนือกษัตริย์ทั้งหลายในวันหนึ่งข้างหน้าด้วย :

5 ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 6 ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่า เทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ 7 แต่ได้กลับ ทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ 8 และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่ง ความมรณาที่กางเขน 9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยก พระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนาม ทั้งปวงให้แก่พระองค์ 10 เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู 11 และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรง เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระ บิดาเจ้า (ฟีลิปปี 2:5-11)

นี่คือข่าวประเสริฐวันคริสตมาส นี่เป็นข่าวแห่งพระกิตติคุณ พระเจ้าได้ส่งพระบุตรของ พระองค์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์จะส่งพระบุตรลงมาอีกครั้ง เพื่อมาเป็นกษัตริย์ เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย ทุกคนที่ปฏิเสธพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด จะเป็นฝ่ายตรง ข้ามกับพระองค์ และเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาอีกครั้ง คนที่ปฏิเสธพระองค์ในวันนี้จะ ต้องล้มลงต่อหน้าพระองค์ เช่นเดียวกับผู้ที่พ่ายแพ้ ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ในวันนี้ให้ เป็นพระผู้ไถ่ความผิดบาปสำหรับพวกเขา จะปกครองร่วมกับพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จ กลับมา ถ้าเราได้เรียนบางสิ่งจากซาอูล น่าจะเป็นเรื่องความโง่ที่ปฏิเสธกษัตริย์ที่พระ เจ้าแต่งตั้ง ดังนั้นขออย่าให้เราทำผิดในแบบเดียวกันเลย


80 ผมค่อนข้างประทับใจในอิทธิพลที่โยนาธานมีต่อบิดาของท่าน และจะเห็นชัดเจนมากขึ้นใน 1 ซามูเอล ว่าทัศนคติและการกระทำของซาอูลต่อดาวิดนั้นเป็นอิทธิพลที่ท่านได้รับมาจากผู้อื่น ซึ่งได้ประโยชน์จากความเกลียดชังที่ท่านมีต่อดาวิด (ดู 24:9; 26:19) โยนาธานจัดการกับ เรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา อย่างน้อยก็ในครั้งนี้

81 ดูไม่ค่อยชัดเจนทีเดียวนักว่าซาอูลพยายามฆ่าดาวิดด้วยหอกในครั้งนี้ ที่ท่านทำคือ "ปัก ดาวิดให้ติดฝาผนัง" เช่นเมื่อก่อน (18:11) แต่ตอนนั้นท่านพุ่งหอกไปที่ดาวิด ครั้งนี้ท่านอาจ จะจับดาวิดไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างใช้หอกเสียบไปที่ลำตัว หรือที่พูดว่า "ปักให้ติดผนัง" มันคงดูตลกที่ซาอูลเลิกพุ่งหอกจากระยะไกล เพราะท่านมือไม่แม่นเลย จะอย่างไรก็ตาม ซาอูล อาจให้เหตุผลกับตัวเองว่า "ถ้าฆ่ามันในระยะไกลไม่ได้ (เพราะมือไม่แม่น) ก็จะจับมันไว้ แล้ว เสียบด้วยหอกให้ติดผนังไปเลย" ถ้ารูปการเป็นเช่นนี้ และซาอูลยังทำอะไรดาวิดไม่ได้ เราคง จินตนาการได้ว่าเมื่อเดินอยู่ในวังของซาอูล ผนังวังคงมีรูที่ถูกหอกปักอยู่เต็มไปหมด

82 เราอาจนำทฤษฎีนี้ไปเปรียบเทียบกับกิจการบทที่ 5 เมื่อความโลภของอานาเนียและนาง สัปฟีราเปิดประตูเชิญมาร "เข้ามาในใจ" เพื่อจะโกหกเกี่ยวกับเงินที่ถวาย

83 ถ้าคุณเคยได้ดูหนังที่เกี่ยวกับการพยายามช่วยชีวิตคนในรูปแบบต่างๆ คุณคงพอนึกภาพออก

84 ที่จริงสิ่งที่มีคาลตอบบิดานั้นชัดเจนยิ่ง ถ้านางพูดว่า "เธอพูดกับหม่อมฉันว่า 'ปล่อยให้ฉัน ไปเถิด จะให้ฉันฆ่าเธอทำไมเล่า ?'" ซึ่งนางหมายถึงว่าดาวิดมีความตั้งใจจะฆ่าซาอูล ไม่ใช่จะ ฆ่านาง หรือจะพูดให้ชัดอีกก็ได้ว่า "เธอพูดกับหม่อมฉันว่า 'ปล่อยให้ฉันไปเถิด จะให้ฉันฆ่าเธอ ทำไมเล่า ในเมื่อบิดาเธอต่างหาก ที่ฉันอยากฆ่า ?'"

85 ไม่มีใครทราบว่านาโยทคือสถานที่ใด (หรือตั้งอยู่ที่ใด) หรือคำนี้อาจแปลว่า "ค่าย" ก็เป็น ได้ เพราะความหมายก็คือ "กระท่อม" หรือ"ค่าย" ให้ดูหมายเหตุที่ 7 หน้า 57 ในหนังสือชื่อ Looking on the Heart: Expositions of the Book of 1 Samuel: (Grand Rapids: Baker Books, 1994), vol. 2 เขียนโดย Dale Ralph Davis ดูเหมือนรามาห์และนาโยทจะอยู่ใกล้ๆกัน แต่เราไม่รู้จักชื่อเมือง ผมคิดว่าซามูเอลและดาวิดคงจะไปหลบอยู่ในกระท่อมหลังใดหลังหนึ่งที่ ในค่าย ซึ่งอาจจะอยู่ในรามาห์หรือที่เมืองใกล้เคียงกัน

Previous PageTable Of ContentsNext Page